IDEA Charming White Studio
"เนื่องจากเป็นห้องคอนโดที่มีขนาดเล็กมากจึงเลือกใช้สีขาวทั้งห้องเพื่อให้ดูสว่างและกว้างขึ้น"
เจ้าของ : คุณ ชุบ นกแก้ว
คอนโดมิเนียมขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร
แบบสตูดิโอแห่งนี้เป็นบ้านหลังที่สองของคุณชุบ นกแก้ว เจ้าของบริษัท
ชุบชีวิตนกแก้ว สตูดิโอถ่ายภาพและคอมพิวเตอร์รีทัชย่านทาวน์อินทาวน์
แม้จะมีโฮมออฟฟิศที่เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานอยู่ในที่เดียวกันแล้วก็ตาม
แต่เขาก็ยังอยากมีห้องพักที่เรียบง่ายและตั้งอยู่ในย่านกลางเมืองอีกสักแห่ง
โดยตั้งใจออกแบบให้ห้องชุดห้องนี้มีพื้นที่สำหรับพักผ่อน
ครบครันทั้งห้องนอน มุมพักผ่อน และพื้นที่ทำงาน
ห้อง ๆ นี้ได้รับการออกแบบและแบ่งสัดส่วนใหม่ทั้งหมด
แต่เดิมนั้นเคยมีผนังกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องรับแขก
ให้ความรู้สึกอึดอัดไม่ปลอดโปร่ง
คุณชุบจึงตัดสินใจรื้อผนังออกไปแล้วยกพื้นห้องนอนให้สูงขึ้น
กั้นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเฟี้ยมขนาดใหญ่
ส่วนห้องครัวก็ถูกปรับโฉมด้วยเช่นกัน
โดยทำเคาน์เตอร์บาร์แบบโปร่งแทนเคาน์เตอร์ติดผนังแบบเดิม
วิธีนี้ช่วยให้ห้องดูสว่างขึ้น เน้นการเปิดช่องแสงให้ได้มากที่สุด
แม้แต่ในห้องน้ำที่อยู่ติดระเบียงบังทิศทางแสง
คุณชุบก็แก้ปัญหาด้วยการทำบานประตูห้องน้ำที่มีช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อให้แสง
ผ่านเข้ามาสู่พื้นที่ภายใน
ส่วนการออกแบบตกแต่ง เขาได้เน้นใช้โทนสีขาวเป็นหลัก
แม้จะมีปัญหาเรื่องการทำความสะอาด
แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำสีเฟอร์นิเจอร์หรือกรุผนังด้วยไม้พ่นสีขาวกึ่ง
เงา ช่วยให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่าพื้นผิวแบบด้าน แม้ห้องจะมีขนาดเล็ก
แต่ก็สามารถแบ่งการใช้งานได้เป็นอย่างดีช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นกว่าเดิม
รวมทั้งใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อเลย
บรรยายไอเดียภาพ 1
a. ทำบานเพี้ยมไม้กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องรับแขกให้แยกออกจากกัน
สามารถพับเก็บบานฟี้ยมเข้าด้านข้างเพื่อเปิดให้ห้องดูกว้าง
หรือปิดลงได้เมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว
b. เลือกใช้หัวจ่ายชนิดฝังในเพดานกลางห้องนอน เพื่อกระจายความเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้ทั่วถึงทั้งห้อง
c.
เพื่อให้ห้องดูกว้างจึงเลือกใช้ฟูกที่นอนขนาดควีนไซส์ที่มีขนาดความกว้าง 5
ฟุต วางบนพื้นไม้ที่ยกระดับขึ้นมา แทนการใช้เตียงที่จะทำให้ฝ้าเพดานดูเตี้ย
d. เลือกใช้พื้นไม้สีไวท์โอ๊กปูพื้นห้องนอนเพื่อให้ห้องดูสว่างสะอาดตา
ทั้งยังเป็นตัวแบ่งพื้นที่ใช้งานให้เป็นสัดส่วนต่างจากห้องอื่น ๆ
ที่ปูด้วยพื้นไม้สีเข้ม
e. ยกพื้นห้องให้สูงจากพื้นปกติ 20 เซนติเมตร เพื่อแบ่งสัดส่วนให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น
บรรยายไอเดียภาพ 2
a. เพิ่มพื้นที่เก็บของด้วยการทำตู้ซ่อนในผนัง กรุกระจกที่หน้าบานตู้เพื่อสะท้อนให้ห้องดูกว้างขึ้น
b. ทำชั้นวางของเหนือเคาน์เตอร์ให้โปร่งทะลุ 2 ด้าน ช่วยให้ห้องดูโปร่งและยังสามารถหยิบใช้งานได้ทั้ง 2 ด้านด้วย
c.ทำเคาน์เตอร์ด้านหลังให้มีท็อปยื่นออกมา 15 เซนติเมตร เพื่อใช้เป็นที่นั่งรับประทานอาหาร สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากทีเดียว
บรรยายไอเดียภาพ 3
a. นำกล่องใส่อุปกรณ์ปฐมพยาบาทสีแดงสดมาแต่ห้องให้ตัดกับมุมสีขาวช่วยให้มุมนี้ดูเด่นขึ้น
b. ผนังมุมห้องแคบ ๆ สามารถใช้ประโยชน์ให้กลายเป็นมุมทำงานได้
โดยทำท็อปโต๊ะไม้พร้อมลิ้นชักหนา 10 เซนติเมตร ขนาดพอดีกับช่องว่าง
แล้วฝากโครงสร้างไว้กับผนังทั้งสองข้างด้วยเหล็กฉาก
กลายเป็นมุมทำงานเรียบง่ายสไตล์มินิมัล
บรรยายไอเดียภาพ 4
a. ติดราวม่านกลมให้สูงในระดับพอดีกับฝ้าเพดาน และทำสีขาวเพื่อให้ดูกลมกลืนกับผนังห้องนอน
b. กรุช่องแสงบนบานเฟี้ยมด้วยกระจกฝ้าลอนลูกฟูก
กรอบหน้าบานเป็นสี่เหลี่ยมมุมโค้งมนที่นิยมกันมากในยุคปี 1960
ช่วยลดความแข็งกระด้างของห้องสี่เหลี่ยมได้เป็นอย่างดี
c. เนื่องจากต้องการใช้ม่านสีขาวแต่ยังกังวลเรื่องการทำความสะอาด จึงเลือกใช้ผ้าในล่อนเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายและไม่เก็บฝุ่น
บรรยายไอเดียภาพ 5
a. แขวนโคมไฟสีขาวที่ให้แสงสีเหลืองดูอบอุ่นสบายตาไว้เหนือโต๊ะกลาง
นอกจากมีสีสันกลมกลืนกับห้องแล้ว
ยังช่วยเพิ่มแสงสว่างในขณะอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดีด้วย
b. จัดมุมทำงานให้หันหน้าออกไปทางช่องแสง เพื่อเปิดรับแสงสว่างจากภายนอก
โดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟขณะนั่งทำงาน
หากแสงแรงเกินไปก็สามารถปรับม่านมู่ลี่ลงได้ตามต้องการ
c. ขึงผ้าม่านสีขาวยาวตลอดแนวหน้าต่างห้องเพื่อช่วยกระจายแสงให้ห้องดูสว่างขึ้น
เจาะลึกรายละเอียด
A . เนื่องจากห้องมีขนาดพื้นที่จำกัดจึงทำตู้บิลท์อินซ่อนในผนัง โดยออกแบบให้มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าเชื่อมต่อกัน
B . ประดับรูปภาพให้กระจายทั่วผนัง
แต่ดูสวยงามลงตัวเพราะใช้หลักการจัดวางแบบเป็นกลุ่ม
และใช้ภาพโทนสีขาว-ดำทั้งหมดเพื่อให้กลมกลืนกับบรรยากาศในห้อง
C . ใช้ชุดครัวสีขาวทั้งหมด ส่วนอ่างล้างจานทำจากไฟเบอร์ขึ้นรูปด้วยพลาสติกเพื่อให้เช็ดทำความสะอาดง่าย
D . ออกแบบให้มีมือจับซ่อนอยู่ในตัวบานเฟี้ยม ช่วยให้พับหรือกางบานเฟี้ยมออกทำได้สะดวกขึ้น
room's tips : เคล็ดลับทำให้ห้องสีขาวดูสะอาดตา
1. สำหรับห้องสีขาวที่ไม่อยากให้มีรอยเปรอะเปื้อน แนะนำให้เลือกใช้สีทาผนังชนิดที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ และมีสารต้านเชื้อราและแบคทีเรียด้วย
2. แม้จะเป็นห้องสีขาว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างเป็นสีขาวทั้งหมด เราสามารถเลือกใช้สีสันที่ดูสะอาดตาได้หลายเฉดสี เช่น ทาผนังด้วยสีขาวควันบุหรี่ หรือปูพื้นกระเบื้องสีครีมก็ได้ แนะนำให้เลือกใช้สีขาวเฉพาะส่วนที่ไม่เปื้อนง่ายอย่างฝ้าเพดาน หรือตู้ลอย
3. หากต้องการให้ห้องเป็นสีขาวนวลตา ควรเลือกใช้โคมไฟหรือไฟดาวน์ไลท์ที่ให้แสงแบบเดย์ไลท์ดูอบอุ่นสบายตา
ขอขอบคุณ :
เรื่อง : Fb. Hoo Room
ภาพ : ดำรง ลี้ไวโรจน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น