ไอเดียแต่งห้องเล็กให้กว้างด้วยเทคนิคสีขาว

IDEA Charming White Studio
"เนื่องจากเป็นห้องคอนโดที่มีขนาดเล็กมากจึงเลือกใช้สีขาวทั้งห้องเพื่อให้ดูสว่างและกว้างขึ้น"

บ้านสวยด้วยดอกไม้ ไร้ฝุ่นจับ


แจกันดอกไม้ปลอมตกแต่งบ้านคือสิ่งเล็กๆ ที่คุณมักลืมนึกถึงว่ามันเป็นหนึ่งในตัวสะสมฝุ่นอย่างดีเลยล่ะ


เก็บของแบบมีดีไซน์

คงมีหลายคนที่กำลังหนักอกหนักใจกับปัญหาการจัดเก็บของใช้ในบ้าน ตั้งแต่ไม่มีที่เก็บไปจนถึงเก็บเยอะเสียจนหยิบใช้ไม่คล่อง เรามีสารพัดสารพันไอเดียในการเก็บของมาให้คุณเลือกนำไปใช้ได้

แต่งบ้าน


1.เพิ่มพื้นที่เก็บของด้วยการทำหน้าบ้านให้เป็นชั้นโชว์ไปในตัว สามารถเลื่อนปิด ให้ได้จังหวะที่สวยงามตามแต่ใจ แล้วดีไซน์บันไดแบบเลื่อนได้ไว้หยิบของ ส่วนตู้ด้านหลังติดไฟตกแต่งสร้างมิติที่น่าสนใจ


20 ไอเดียแต่งบ้านแบบราคาประหยัด

ยุคเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ ค่าน้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ทำให้ข้าวของอย่างอื่นแพงตามไปด้วย อยากจะหนีความวุ่นวายภายนอกมาพักผ่อนอยู่กับบ้านแต่ตามประสาคนรักบ้าน อยู่บ้านก็ต้องอยากแต่งบ้านเป็นธรรมดา วันนี้เรามีไอเดียในการแต่งบ้านแบบประหยัด ที่จะช่วยทำให้บ้านยังคงเป็นสถานที่พิเศษที่พร้อมจะรองรับคุณในทุกสภาวะ เศรษฐกิจ


ผนังบ้านพังผู้หญิงอย่าวงเราก็ซ่อมได้

หากคุณพบว่าผนังบ้านคุณมีอาการเหล่านี้ สีผนังลอกร่อน กะเทาะ มีรอยแยกแตกเป็นลาย หรือเป็นรู ควรรีบจัดการซ่อมแซมนะครับ อย่าปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดปัญหาลุกลามได้ my home มีวิธีการซ่อมแซมปัญหาดังกล่าวด้วยตนเองมาฝาก




การรักษาโรคมะเร็ง....จาก คุณ aom

แจกยาฟรี  บอกต่อไปได้กุศลแรง

40 สถานที่ปฏิบัติกรรมฐานยอดนิยม

๑. วัดธรรมมงคล
ซอยปุณณวิถี ๒๐ ถ. สุขุมวิท ๑๐๑ บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ
โทร. ๗๔๑-๗๘๒๑-๒, ๓๓๒-๒๘๒๖-๗
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
แนวการปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
สถานที่ปฏิบัติมีหลายแห่ง คือ ๑. ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นห้องมุ้งลวด
๒. ถ้ำวิปัสสนา (จำลอง) ๓. ศูนย์สมาธิวิริยานุภาพ มี ๘๐ ห้องพัก
ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ ๔. ห้องสำหรับทำสมาธิ
๕. สถานปฏิบัติธรรม จ. เชียงราย ๖. สำนักสงฆ์น้ำตกแม่กลาง

๒. วัดอัมพวัน
๕๓ บ. อัมพวัน ถ. เอเชีย กม. ๑๓๐ หมู่ที่ ๔ ต. พรหมบุรี อ. พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
โทร. (๐๓๖) ๕๙๙-๓๘๑), (๐๓๖) ๕๙๙-๑๗๕
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
แนวการปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”

๓. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

๕๘/๘ ถ.เพชรเกษม ๕๔ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐
โทร. ๔๑๓-๑๗๐๖, ๘๐๕-๐๗๙๐-๔
วิปัสสนาจารย์ คุณแม่สิริ กรินชัย
แนวการปฏิบัติ แนวสติปัฏฐาน ๔ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง
ตามแนวพระธีรราชมหามุนี วัดมหาธาตุ
สถานที่เป็นตึกทันใหม่ทันสมัยหลายหลัง โดยทั่วไปการอบรมใช้เวลา ๘ วัน ๗ คืน

๔. สวนโมกขพลาราม

๖๘ หมู่ ๖ ต. เลเม็ด อ. ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๑๐
วิปัสสนาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ
แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา

๕. วัดป่าสุนันทวราราม
บ้านลิ่นถิ่น ต. ท่าเตียน อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา
เปิดอบรม “อานาปานสติภาวนา” แก่ผู้สนใจ ครั้งละ ๙ วัน
เปิดรับครั้งละ ๑๐๐-๑๕๐ คน เป็นการปฏิบัติที่เคร่งครัด กินอาหารวันละ ๑ มื้อ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณดารณี บุญช่วย (๐๒) ๓๒๑-๖๓๒๐

๖. วัดภูหล่น
๙ ต. สงยาง อ. ศรีเมืองใหม่ จ. อุบลราชธานี
ปฐมวิปัสสนาหลวงปู่มั่นฯ (สถานที่หลวงปู่มั่นออกธุดงค์ครั้งแรกกับหลวงปู่เสาร์)
วัดนี้ค่อนข้างจะห่างจากตัวเมือง บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย และเงียบสงบ
มีสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนเขาไม่สูงนักสามารถกางกลดอยู่ได้
มีโบสถ์บนเขาและมีกุฏิโดยรอบ บ้างก็ซ่อนอยู่ตามซอกเขา
ที่นี่เหมาะกับผู้เคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว ต้องการมาปฏิบัติขั้นอุกฤษฎ์

๗. วัดถ้ำขาม
บ้านคำข่า หมู่ที่ ๔ ตำบาลไร่ อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร
วิปัสสนาจารย์ อาจารย์ฝั้น อาจาโร
วัดมีเนื้อที่ ๘๔๐ ไร่ พื้นที่จรดเขตอุทยานป่าแนวเทือกเขาภูพาน วัดอยู่บนเขาสูง
แต่ก็มีบันไดขึ้นลงสะดวก มีลิงป่า และไก่ป่า
ที่พัก มีที่พักเป็นกุฏิ (กุฏิละ ๑ คน) หรือพักรวมบนศาลาก็ได้
เหมาะสำหรับไปปฏิบัติแบบอุกฤษฎ์

๘. วัดมเหยงคณ์
ต. หันตรา อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา
แนวปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ กำหนดรู้ รูป-นาม

๙. สำนักปฏิบัติธรรมแสงธรรมส่องชีวิต
ต. โคกแย้ อ. หนองแค จ. สระบุรี ๑๘๒๓๐
โทร. (๐๓๖) ๓๗๙-๔๒๘
แนวปฏิบัติ เน้นให้ผู้ฝึกมีสติรู้ในอิริยาบท
ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันสำคัญทางศาสนา
จะมีการจัดอบรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บวชชีพราหมณ์ เนกขัมมะ

๑๐. วัดสนามใน
๒๗ ต. วัดชลอ อ. บางกรวย จ. นนทบุรี
โทร. ๔๒๙-๒๑๑๙, ๘๘๓-๗๒๕๑
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ
แนวปฏิบัติ เน้นการเจริญสติ วิธีที่เป็นที่นิยมคือวิธีสร้างจังหวะ
เป็นวิธีสร้างสติแบบนั่งทำสมาธิแต่ไม่ต้องหลับตา

๑๑. วัดป่านานาชาติ
บ้านบุ่งหวาย หมู่ ๗ ต. บุ่งหวาย อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี
(สาขา ๑๑๙ ของวัดหนองป่าพง)
เป็นวัดป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มาก มียุงและแมลงต่าง ๆ มาก
คนที่แพ้ยุงก็ควรหายากันยุงไปด้วย อากาศเย็นสบาย ทานอาหารวันละ ๑ มื้อ
การไป ให้เขียนจดหมายไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาส แล้วจึงเดินทางไปอยู่

๑๒. วัดปทุมวนาราม
ถ. พระราม ๑ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐
โทร. ๒๕๑-๒๓๑๕, ๒๕๒-๕๔๖๕
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ถาวร จิตฺตถาวโร
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
นั่งปฏิบัติในศาลาพระราชศรัทธา มีอาสนะและผ้าคลุมตักให้หยิบใช้ได้
บริเวณโดยรอบมีการปลูกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ร่มรื่นสวยงาม
กำหนดการปฏิบัติธรรมที่ศาลาฯ ประจำวันจันทร์ – ศุกร์ วันละ ๓ เวลา
เช้า ๗.๐๐ – ๘.๐๐ น. กลางวัน ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. เย็น ๑๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.

๑๓. วัดปากน้ำภาษีเจริญ
เลขที่ ๘ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
วิปัสสนาจารย์ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด)
แนวปฏิบัติ ตามแนวธรรมกาย ใช้คำบริกรรม “สัมมาอรหัง”
สถานที่ปฏิบัติ ๑. หอเจริญวิปัสสนาฯ ชั้น ๒ เป็นห้องแอร์ปูพรม
๒. หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิมิต ๓. ตึกบวรเทพมุนี

๑๔. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์
เลขที่ ๓ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
แนวปฏิบัติ ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
สถานที่ปฏิบัติ คณะ ๕ สำนักงานกลาง กองการวิปัสสนาธุระ
เปิดทุกวัน สอนเดินจงกรมและนั่งสมาธิ
เช้า ๐๗.๐๐ – ๑๐.๐๐ น. กลางวัน ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เย็น ๑๘.๐๐ – ๑๙.๐๐ น.

๑๕. วัดอินทรวิหาร
อาคารปฏิบัติธรรม “เฉลิมพระเกียรติ” วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม
กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๖๒๘-๕๕๕๐-๒
แนวการปฏิบัติ แนวหลักสูตรของคุณแม่สิริ กรินชัย ๘ วัน ๗ คืน หรือ ๔ วัน ๓ คืน
เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมขยายผล จากผู้ปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ กรินชัย
เป็นอาคารทันสมัย ๕ ชั้น จุได้ประมาณ ๕๐๐ คน

๑๖. สำนักงานพุทธมณฑล
พุทธมณฑล ถ. พุทธมณฑลสาย ๔ ต. ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม
โทร. ๔๔๑-๙๐๐๙, ๔๔๑-๙๐๑๒
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ กำหนดรู้อารมณ์ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
สถานที่ปฏิบัติ ชั้น ๒ ของหอประชุม มีเครื่องปรับอากาศ ห้องนอน
มีเครื่องนอน เช่น หมอน มุ้ง ผ้าห่มให้พร้อม หรือนำไปเองก็ได้ ทานอาหาร ๒ มื้อ

๑๗. ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ
คลองสาม จ. ปทุมธานี โทร. ๙๘๖-๖๔๐๔-๕
เป็นสาขาของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย – ภาษีเจริญ

๑๘. วัดอโศการาม
๑๓๖ หมู่ ๒ กม. ๓๑ ถ. สุขุมวิท (สายเก่า) ต. ท้ายบ้าน อ. เมือง จ. สมุทรปราการ
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อลี ธมฺมชโช
บริเวณกว้างขวาง มีสระน้ำใหญ่ในบริเวณวัด
กุฏิพระ แม่ชี และที่พักแยกเป็นสัดส่วนเรียงรายรอบวัดเป็นร้อย ๆ หลัง
ส่วนมากอยู่ติดริมทะเลซึ่งเป็นป่าชายเลน

๑๙. วัดญาณสังวรารามวรวิหาร
ต. ห้วยใหญ่ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โทร. (๐๓๘) ๒๓๗-๖๔๒
สถานที่ปฏิบัติ เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีอาคาร ญส. ๗๒ ชาย และ ญส. ๗๒ หญิง
ชั้นละ ๑๐ ห้อง มีห้องน้ำในตัว เรือนปฏิบัติธรรมมี ๑๗ หลัง

๒๐. สำนักวิปัสสนาวิเวกอาศรม
ซ. ประชานุกูล ๗ ถ. ชลบุรี-บ้านบึง ต. บ้านสวน อ. เมือง จ. ชลบุรี
โทร (๐๓๘) ๒๘๓-๗๖๖
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ภัททันตะ อาสภมหาเถระ
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
มีเรือนพักปฏิบัติธรรมทั้งหญิงชายแยกเป็นสัดส่วนอยู่จำนวนมาก
การอยู่ปฏิบัติให้พักคนเดียว เน้นการเก็บอารมณ์ ไม่พูดคุยกัน อย่างเคร่งครัด
การรับประทานอาหารจะมีปิ่นโตส่งถึงห้อง ๒ มื้อ
ทุกวันจะมีการสอบอารมณ์กรรมฐานโดยพระอาจารย์
ค่าน้ำไฟ อาหาร วันละ ๕๐ บาท หรือเดือนละ ๑,๕๐๐ บาท ห้ามอยู่เกิน ๙๐ วัน

๒๑. สำนักวิปัสสนาสมมิตร – ปราณี
จ. ชลบุรี โทร. พระอาจารย์ใหญ่ (๐๑) ๙๒๑-๑๑๐๑
เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริจาคเพื่อขยับขยายมาจากวิเวกอาศรม
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
สถานที่ล้อมรอบด้วยทุ่งและธรรมชาติ มีกุฏิสงฆ์สร้างในแบบธรรมชาติมุงจาก
อาคารปฏิบัติธรรมขนาดกลางและอุโบสถ ยังรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่มากนัก

๒๒. วัดเขาสุกิม
ต. เขาบายศรี อ. ท่าใหม่ จ. จันบุรี
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้คำบริกรรม “พุทโธ”
วัดตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเชิงเขา กว้างขวางกว่า ๓,๒๘๐ ไร่
มีทางบันได และรถรางขึ้นไปบนวัด บริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย
มีศาลาที่พักที่สะดวกสบาย เป็นห้องมุ้งลวด มีเตียง ที่นอน หมอนให้
หรือพักที่กุฏิว่างต่าง ๆ

๒๓. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
๖๐ บ้านท่าซุง หมู่ ๑ ต. น้ำซึม อ. เมือง จ. อุทัยธานี
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
แนวปฏิบัติ มโนมยิทธิ บริกรรม “นะ มะ พะ ธะ” และสอนอนุสติ บริกรรม “พุทโธ”

๒๔. สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง

อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร
สำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่บนดอย ทางขึ้นลงเทปูนเป็นบันไดเดินได้สะดวกแต่ค่อนข้างสูง
หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่าที่ถ้ำผาปล่อง และถ้ำเชียงดาวนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ให้สำรวมระวัง รักษาความสงบ ไม่ร้องรำทำเพลง เล่นตลกคะนอง
เพราะเคยมีพระอรหันต์ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันโธ
พระอรหันต์สมัยพระพุทธเจ้าโกนาคม พระอรหันต์สมัยพระกัสสโป
และพระอรหันต์สมัยพระพุทธโคดม มาบำเพ็ญเพียรและละสังขารอยู่หลายองค์
การนั่งภาวนาที่นี่จะทำเหมือนสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ คือ
ท่านจะให้ทุกคนที่ไปภาวนานั่งสมาธิเพชรฟังเทศน์ ด้วยเหตุผลว่า
”การนั่งสมาธิเพชรนั้นเป็นการฝึกฝนคนเราให้เกิดความตั้งใจมั่น”

๒๕. วัดป่าสาละวัน

อ. เมือง จ. นครราชสีมา
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วันที่ ๑-๕ ของทุกเดือน จะมีการอบรมการปฏิบัติแก่อุบาสกอุบาสิกา
ที่ใต้ศาลา และบนวิหารชั้น ๒ โดยจะมีพระให้การอบรม

๒๖. วัดสมเด็จแดนสงบ (แสงธรรมเวฬุราราม)
๙๙ ซอย ๑๙ ถ. มิตรภาพ อ. เมือง จ. นครราชสีมา ๓๐๐๐๐
โทร. (๐๔๔) ๒๑๔-๑๓๔, ๒๑๔-๘๖๙-๗๐
วิปัสสนาจารย์ พระครูภาวนาวิสิฐ
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔

๒๗. วัดป่าวะภูแก้ว
ต. มะเกลือใหม่ อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา
แนวปฏิบัติ แนวหลวงปู่เสาร์ - หลวงปู่มั่น ภาวนา “พุทโธ”
วัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีต้นไม้ใหญ่น้อยมาก สถานที่เงียบสงบ สวยงาม
มีอาคารอบรมขนาดใหญ่ สำหรับผู้มาทำสมาธิเป็นหมู่คณะ

๒๘. วัดหนองป่าพง
๔๖ หมู่ ๑๐ ต. โนนผึ้ง อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อชา สุภทฺโท
แนวปฏิบัติ เน้นให้มีสติสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ

๒๙. ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน
บ้านเนินทาง ต. บ้านค้อ อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. (๐๔๓) ๒๓๗-๗๘๖, ๑๒๗-๗๙๐
เป็นสถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสาขา ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ เช่นเดียวกับวัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี

๓๐. วัดป่าวิเวกธรรมวิทยาราม
ซ. ศรีจันทร์ ๑๓ ถ. ศรีจันทร์ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. (๐๔๓) ๒๒๒-๐๔๒
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”

๓๑. วัดถ้ำผาบิ้ง
ต. ทรายขาว อ. วังสะพุง จ. เลย
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร
เมื่อไปถึงจะพบศาลาสร้างด้วยไม้ที่โปร่งสะอาดน่านั่งสมาธิ มีกุฏิหลายหลัง
มีถ้ำอยู่ไม่สูงจากเชิงเขา มีบันได้ขึ้นสะดวก เป็นที่สงบวิเวกมาก
เหมาะแก่การปฏิบัติอย่างอุกฤษฎ์ พระในสายพระอาจารย์มั่นมักมากจำพรรษา
และปฏิบัติธรรมที่นี่ เพราะเป็นที่สัปปายะ บรรยากาศเงียบสงบ ห่างจากเมือง

๓๒. วัดถ้ำกองเพล
ต. โนนทัน อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู ๓๙๐๐๐
โทร. (๐๔๒) ๓๑๒-๓๗๗
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
เป็นวัดป่ากว้างขวาง พร้อมศาลาปฏิบัติธรรมสร้างภายในถ้ำ
ทางไปถ้ำสะดวกอยู่ริมถนน รถเข้าถึงปากถ้ำได้ ไม่ต้องปีน
บางกุฏิก็ซ่อนอยู่ตามเหลือบผาต่าง ๆ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม
เมื่อไปถึงให้ติดต่อศาลาประชาสัมพันธ์เพื่อขออนุญาตก่อน ปฏิบัติธรรมอย่างเข้ม

๓๓. วัดป่าบ้านตาด
ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี
วิปัสสนาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
ในวัดมีกุฏิที่พักหลายกุฏิ มักจะมีลูกศิษย์มาอยู่ปฏิบัติกันมาก
แต่ผู้มาปฏิบัติที่นี่ต้องกินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก
กลางคืนมักจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ จนดึก หรือโต้รุ่งก็มี
ไม่ใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน ผู้ปฏิบัติจึงควรจำไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย
เพื่อใช้ส่องทางเดิน ทางจงกรม ซึ่งมักจะเป็นทางดิน
และอาจมีสัตว์ เช่น งู อยู่บ้าง ต้องเจริญเมตตาไม่เบียดเบียนต่อกัน

๓๔. วัดหินหมากเป้ง
บ้านไทยเจริญ หมู่ ๔ ต. พระพุทธบาท อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
ในวัดมีกุฏิเรือนรับรองอยู่มาก บริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วยป่าโปร่ง ป่าไผ่
ทะเลสาบใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เหมาะแก่การอยู่ปฏิบัติ

๓๕. วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)
อ. บึงกาฬ จ. หนองคาย
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
วัดตั้งอยู่บนภูทอก ทางขึ้นค่อนข้างชัน
สร้างด้วยความอัศจรรย์และด้วยจิตที่เด็ดเดี่ยวของพระเณร
ท่านพระอาจารย์จวนได้ทำทางขึ้นเป็นขั้นบันไดและทางเดินด้วยไม้รอบภูจนถึงยอด
บริเวณหน้าผา ท่านใช้ไม้ ๒ ลำมัดให้แน่นยื่นออกไป ๔ เมตร
เอาเชือกบังสุกุลผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไป ตรึงใส่เสาที่ปักไว้ แล้วไปนั่งที่ปลายไม้นั้น
เพื่อตอกหินเจาะหลุมที่หน้าผา ปรากฏว่า ถ้าให้ฆราวาสไปนั่งปลายไม้ครั้งใด
ก็ไม่สามารถควบคุมสติสมาธิได้ เพราะมองไปข้างบ่างก็เกิดความหวั่นไหว
จนไม่สามารถตอกหินได้สำเร็จ ผู้สร้างจึงเป็นพระและเณร สิ่งปลูกสร้างนี้มี ๗ ชั้น
มีกุฏิที่พักเชิงเขาที่ชั้น ๒ หรือจะพักกุฏิว่างรอบเขาก็ได้ (ต้องขออนุญาตก่อน)
เหมาะกับผู้ปฏิบัติที่ฝึกมาดีพอสมควร มีความเข้มแข็งพึ่งตนเองได้
เนื่องจากเปลี่ยวและสูงอยู่บนภูเขา แต่บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบ

๓๖. วัดดอยธรรมเจดีย์
บ้านทาสีนวล หมู่ ๓ ต. ตองโขบ อ. ศรีสุพรรณ จ. สกลนคร
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
ปกติจะปฏิบัติที่ศาลา ส่วนที่พักมีกุฏิ และอาคารคึกสะอาดทันสมัย

๓๗. วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
ถนน รพช หมู่ ๑ ต. ปทุมวาปี อ. ส่องดาว จ. สกลนคร
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภาวนา “พุทโธ”
ที่นี่มีหลายถ้ำ มีถ้ำหนึ่งชื่อถ้ำพวง ซึ่งพระอาจารย์มั่นเคยเล่าให้ฟังว่า
เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เคยมีพระอรหันต์ชื่อ พระนรสีห์ มานิพพานที่นี่

๓๘. วัดป่าสุทธาวาส
๑๓๙๖ บ้านคำสะอาด หมู่ ๑๐ ต. ธาตุเชิงชุม อ. เมือง จ. สกลนคร
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
มีอาคารเป็นตึกปูน ๓ ชั้นหลังใหญ่ จุคนได้หลายร้อยคน เย็นสบาย

๓๙. วัดคำประมง
เลขที่ ๒๐ หมู่ ๔ บ้านคำประมง ต. สว่าง
อ. พรรณนานิคม จ. สกลนคร ๔๗๑๓๐
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร
เนื่องจากเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาอยู่น้อยในฤดูนอกพรรษา จึงเงียบสงบ
มีเจ้าหน้าที่ตัดหญ้า ปลูกดอกไม้สวยงามอย่างดี
มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และสิ่งก่อสร้างสวยงาม มีสระน้ำทะเลสาบใหญ่
ฝูงปลามากมาย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมและให้อาหารปลาอยู่เสมอ

๔๐. สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้ำชี) เขากิ่ว ต. ไร้ส้ม อ. เมือง จ. เพชรบุรี ๗๖๐๐๐
โทร. (๐๓๒) ๔๒๘-๕๒๒
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อกนฺตสิริภิกขุ
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ และอานาปานสติ
เขากิ่วเป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีต้นไม้หนาแน่นมาก อยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวก
บนเขามีลิงอยู่บ้าง แต่ไม่ทำร้ายคน บนสำนักฯ มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ศาลา ถ้ำชี ซึ่งใช้เป็นอุโบสถ กุฏิที่พัก ห้องน้ำ-ส้วม พอสะดวกสบายแก่การปฏิบัติ
ที่นี่เน้นการปฏิบัติเคร่งครัด กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก

ขอขอบคุณ : http://www.buddhakhun.org

10 คำตอบการเลือกใช้คอนแทคเลนส์

10 คำตอบการเลือกใช้คอนแทคเลนส์


contactlens

1. วิธีการเลือกคอนแทคเลนส์
1.1 เลือกคอนแทคเลนส์ที่มี Diameter ที่ไม่ใหญ่จนเกินไปซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 14.0 – 14.5
1.2 เลือก Base Curve ที่เหมาะสมพอดีกับดวงตาของเรา
1.3 เลือกค่าอมน้ำ (Water Content) ใน เปอร์เซ็นต์สูง เพราะค่าอมน้ำ หมายถึง ความสามารถในการอุ้มน้ำของคอนแทคเลนส์ คือ อุ้มน้ำได้เท่าไรและยอมให้ออกซิเจนไหลผ่านได้แค่ไหน ซึ่งค่าอมน้ำยื่งมากก็ยิ่งลดโอกาสที่จะเกิดอาการตาแห้งหรือระคายเคืองตาลงไป ได้ค่ะ แต่สิ่งที่ช่วยลดอาการตาแห้งก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าอมน้ำอย่างเดียวนะคะ วัสดุที่ใช้ทำเลนส์ก็มีส่วนเช่นกันค่ะ ว่าทำให้น้ำระเหยไปได้แค่ไหน เพราะก็มีนะคะที่ค่าอมน้ำสูงมากๆแต่วัสดุเนี่ยทำให้น้ำระเหยออกไปได้เร็ว เป็นสาเหตุให้ตาของเราแห้งระหว่างวันค่ะ (เพราะฉะนั้นจึงมีบางคนบอกว่ายี่ห้อ A อมน้ำ 60% แต่ทำไมใส่แล้วไม่สบายตาเท่ายี่ห้อ B ที่อมน้ำแค่ 40% สาเหตุก็มาจากวัสดุนี่แหละค่ะ)
1.4 วัสดุที่เหมาะสม (Material) ถ้าหากท่านแพ้วัสดุตัวใดที่ใช้ทำคอนแทคเลนส์ก็ควรจดเอาไว้นะคะ เพราะถ้าคราวหน้าเราจะเปลี่ยนยี่ห้อจะได้ดูว่าไม่มีวัสดุที่เราแพ้ค่ะ อาการแพ้ก็คือใส่แล้ว เจ็บตา ระคายเคืองตา มีขี้ตาออกมามากกว่าปกติ ตาแฉะ มองภาพไม่ชัด

2. ดูอายุการใช้คอนเทคเลนส์อย่างไร
อายุการใช้งานของคอนแทคเลนส์มีหลายแบบค่ะ มีทั้งแบบราย 1 เดือน, ราย 2 เดือน, ราย 3 เดือน, รายปีค่ะ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทว่าจะผลิตออกมาว่าแต่ละรุ่นมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน ถ้าเป็นแบบของเกาหลีจะอยู่ในขวดค่ะ ส่วนใหญ่เป็นรายปี
ตัวอย่างการดูอายุการใช้งานค่ะ
แบบรายปี หมายความว่า สามารถใช้ได้ 1 ปี หลังจากที่เปิดซีล หรือ ฝาขวดค่ะ แต่เราก็ต้องเปิดใช้ก่อนวันหมดอายุที่ระบุไว้ข้างขวดด้วยนะคะ

3. ตัวอย่างต่างๆ คืออะไร
B.C. ย่อมาจาก Base Curve หมายถึง รัศมีความโค้งด้านหลังของเลนส์ชิ้นนั้น ซึ่งเป็นด้านที่จะต้องสัมผัสกับดวงตาของเรา ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 8.00-10.00 ยกตัวอย่างเช่น เลนส์ที่มี B.C. 8.8 mm. หมายถึงเลนส์ชิ้นนั้นแบนกว่าหรือแบะกว่าเลนส์ที่มี B.C. 8.4 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้เลนส์ 8.4 mm. ติดแน่นบีบรัดดวงตามากกว่า ส่วนเลนส์ 8.8 mm. จะ รู้สึกหลวมเลื่อนได้มากกว่า เมื่อคุณซื้อเลนส์คุณอาจเพิ่มหรือลดกำลังของเลนส์ได้ตามใจชอบ เช่น อยากให้ภาพคมชัดขึ้นอาจลองซื้อเลนส์กำลังสูงขึ้นสัก 0.25 แต่ถ้าใส่แล้วไม่ชอบใจ อยากใส่ให้ภาพนุ่มนวลลงก็อาจซื้อเลนส์อ่อนลง สัก 0.25 ได้ไม่เสียหายอะไรนอกจากรู้สึกมึนๆนิดๆแต่การเปลี่ยนค่า Base Curve ขอให้เป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์นะคะ เพราะการใส่เลนส์คับหรือหลวมเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้นผู้ใช้ควรซื้อเลนส์ Base Curve เดิมเสมอ ห้ามเปลี่ยนเองโดยเด็ดขาดค่ะ
DIA. ย่อมาจาก Diameter หมายถึง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์หรือความกว้างของเลนส์ค่ะ ซึ่งคอนแทคเลนส์ที่ใส่จะดูตาโตหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่ที่ตัวนี้นี่เองค่ะ
Water Content คือ ค่าอมน้ำ หมายถึง ความสามารถในการอมน้ำของตัวเลนส์ค่ะ ถ้าคอนแทคเลนส์มีค่าอมน้ำสูงก็สามารถช่วยลดอาการเคืองตาหรือตาแห้งลงได้ค่ะ
EXP ย่อมาจาก Expire หมายถึง วันหมดอายุของคอนแทคเลนส์นั่นเองค่ะ

4. จะเลือกสี คอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับสีของดวงตาอย่างไร
โดยปกติคำถามนี้เป็นคำถามที่ยากมากสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะใส่คอน แทคเลนส์เป็นครั้งแรก แต่มันจะง่ายขึ้นถ้าคุณรู้ว่าคุณมีบุคลิกภาพแบบไหนค่ะ ดังนั้น วันนี้เราจึงนำวิธีเลือกคอนแทคเลนส์ให้เหมาะสมกับตัวเองมาฝากค่ะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังคิดจะใส่คอนแทคเลนส์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้ค่ะ
- ถ้าสีของดวงตาโดยธรรมชาติของคุณเป็นสีน้ำตาล คุณอาจจะเลือก คอนแทคเลนส์ในสีม่วง สีเขียว หรือ สีฟ้า
- ถ้าผิวของคุณ ผม และสีดวงตาโดยธรรมชาติเป็นสีโทนเย็น สีโทนแดง สีน้ำเงิน คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์สีโทนอุ่น เช่น สีน้ำตาลอ่อน
- ผิวสีขาว คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีสีโทนอุ่น เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีฟ้า หรือ สีเขียว
- ผิวสีแทน คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีสีโทนสว่าง เช่น สีเทา สีเขียว สีน้ำตาลอ่อน
หากคุณใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา คุณควรเลือกคอนแทคเลนส์สีที่เด่นกว่าสีของ อายส์ชาโดว์ และ มาสคาร่า ที่คุณใช้ค่ะ และ หากว่าคุณเป็นคนขี้อายหรือต้องการให้ดวงตาดูเป็นสีธรรมชาติ คุณควรดูว่าตาของคุณนั้นเป็นสีอะไร
- ถ้าสีตาโดยธรรมชาติของคุณคือ สีดำ หรือสีน้ำตาล คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์สีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน(Hazel) ทางเลือกอื่นๆ คือการเพิ่มความโดดเด่น สำหรับตาสีฟ้าซึ่งทำโดยใช้คอนแทคเลนส์ที่มีสีเข้มมากเพื่อเน้นม่านตาของคุณ ค่ะ
- ถ้าผิว ผม การแต่งหน้าและสีตาโดยธรรมชาติเป็นสีโทนอุ่น คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์โทนสีอุ่นอย่างเช่นสี Hazel
อย่างไรก็ตาม การใส่คอนแทคเลนส์นั้น เราควรใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นอันดับ 1 คือ ควรล้างมือ ถูสบู่ ทุกครั้ง ทั้งก่อนสัมผัสกับคอนแทคเลนส์และก่อนใส่คอนแทคเลนส์ ส่วนการทำความสะอาดคอนแทคเลนส์นั้น เราควรล้างคอนแทคเลนส์เสียก่อน แล้วนำไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง เมื่อต้องการจะใส่เลนส์ก็ควรล้างอีกครั้ง
สำหรับสาวๆ ที่เป็นคนตาแห้งก็สามารถใช้น้ำตาเทียมหยอดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวง ตาได้ค่ะ แต่ถ้าตาแห้งมากก็ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นะคะ เพราะคอนแทคเลนส์อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองตา และ ในระยะยาวอาจส่งผลทำให้เนื้อเยื่อตาอักเสบ

5. พอใส่แล้วทำไมภาพถึงเบลอ และ มัว
5.1 ผู้ใส่เป็นผู้ที่เพิ่งจะเคยใช้คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรก ซึ่งการใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรกๆ ตาของเพื่อนๆอาจต้องมีการปรับให้ชินกับวัตถุแปลกปลอม จึงอาจทำให้เกิดความมัวได้ ยิ่งถ้าเป็นคอนแทคเลนส์สี ใส่แรกๆก็อาจจะทำให้เห็นลายบนคอนแทคเลนส์ได้จากการมองปกติ ซึ่งถ้าเราใส่จนคุ้นเคยแล้ว ก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนค่ะ
5.2 ค่าสายตาของผู้ใส่ไม่ตรงกับคอนแทคเลนส์ โดยเฉพาะผู้ที่มีสายตายาว อาจมองสิ่งรอบข้างได้เป็นปกติ แต่เมื่อมองผ่านคอนแทคเลนส์อาจทำได้เกิดความมัวได้ค่ะ
5.3 ความสะอาดของคอนแทคเลนส์ หากผู้สวมใส่ไม่ทำความสะอาดมือ หรือ คอนแทคเลนส์ก่อนใส่ ก็อาจทำให้เกิดรอยบนตัวคอนแทคเลนส์ และเมื่อใส่แล้วก็อาจทำให้เกิดความมัวได้ ดังนั้น ก่อนจะใช้คอนแทคเลนส์ทุกครั้ง แนะนำให้แช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยาก่อน 1 คืน รวมถึงล้างมือให้สะอาดก่อนทำการใส่ทุกครั้งค่ะ
5.4 อาการแพ้ อันเนื่องมาจากดวงตาไม่ยอมรับคอนแทคเลนส์ หรือ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ ซึ่งกรณีนี้มีพบได้น้อยมากกับคอนแทคเลนส์เกาหลี (แต่อาจเกิดขึ้นกับคอนแทคเลนส์ของไทยบางยี่ห้อ) หรือบางครั้ง น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ที่ใช้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ได้ ถ้าหากเพื่อนๆใส่แล้วเกิดอาการระคายเคือง ภาพที่มองเห็นมัว ไม่ชัด หรือ มีน้ำตาไหลบ่อย ให้ถอดคอนแทคเลนส์ทันที และปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนกลับมาใช้งานอีกครั้งค่ะ

6. อาการเคืองตาเกิดจากอะไร
6.1 เลนส์ที่ไม่สะอาด
ก่อนใส่คอนแทคเลนส์คุณควรตรวจดูว่าเลนส์ที่เรากำลังจะใส่นั้นสะอาดหรือ ไม่ เนื่องจากปกติเรามักจะหยิบคอนแทคเลนส์ขึ้นมาจากตลัดแช่เลนส์แล้วใส่ทันที โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวเลนส์นั้นสะอาดแล้วหรือยัง ดังนั้นก่อนใส่คอนแทคเลนส์เราต้องตรวจสอบดูว่าเลนส์สะอาดหรือยังนะคะ
วิธีตรสจดูเบื้องต้น
เวลาเอาเลนส์ออกมาจากตลับแช่เลนส์ ให้จับที่บริเวณขอบเลนส์แล้วส่องกับแสงแดดหรือแสงจากหลอดไฟก็ได้ค่ะ เราจะเห็นเลยว่าเลนส์มันสะอาดรึเปล่า เพราะบางทีมันจะมีผง ฝุ่น หรือขุยผ้าเช็ดตัวเล้นเล็กๆติดอยู่ที่เลนส์ ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราเคืองตาได้เหมือนกันค่ะ เนื่องจากเรามักจะคิดว่าเพิ่งเอาออกมาจากตลับแช่มันก็น่าจะสะอาดอยู่แล้ว ทำให้มองข้ามที่จะมานั่งดูเลนส์ก่อนใส่ แต่ที่จริงฝุ่นที่ลอยอยู่ในน้ำที่แช่เลนส์เพียบเลยค่ะ
วิธีแก้
ก็เอาน้ำยาแช่ฉีดไปที่ตัวเลนส์ ขณะที่เราถือขอบมันไว้นั่นแหละค่ะ ส่องดูกับแสงอีกที ถ้าไม่มีฝุ่นแล้วก็ค่อยใส่ค่ะ
6.2 ตาแห้ง
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ตาแห้งหรือไม่ เราขอแนะนำให้ซื้อน้ำตาเทียมพกติดตัวไว้ด้วยค่ะ อันนี้ใช้ได้ทั้งเวลาใส่และถอดเลนส์ เพื่อให้ตาชุ่มชื่น ส่วนระหว่างวันจะหยอดหรือไม่ก็ตามใจค่ะ หลังจากท่คุณแน่ใจว่าเลนส์สะอาดแล้ว ก่อนใส่คอนแทคเลนส์ให้คุณหยดน้ำตาเทียมลงไปบนเลนส์ 1 หยดก่อนใส่ พอแปะเลส์ไปที่ตาให้หล่องให้หนังตาล่างก่อนแล้วค่อยปล่อยเปลือกตาบน น้ำตาเทียมจะไหลออกมา หลังตาไว้แปบนึง พอลืมตามาก็จะไม่เคืองตาเลยค่ะ อาจจะหยดน้ำตาเทียมซ้ำลงไปอีกหยดก็ได้ค่ะแล้วค่อยแต่หน้าตามปกติ
6.3 การถอดเลนส์
วิธีการถอดคอนแทคเลนส์ ห้ามถอดจากตาดำโดยตรงนะคะ ให้เลื่อนเลนส์มาที่บริเวณตาขาวแล้วค่อยถอดคอนแทคเลนส์ออกค่ะ จะเป็นตาขาวด้านข้าง(เลื่อนคอนแทคเลนส์ไปทางหางตา) หรือ ตาขาวด้านล่าง(ก้มหน้าลง เหลือกตามองกระจก เลื่อนคอนแทคเลนส์มาใต้ตาดำ) และถ้าคุณมีน้ำตาเทียม ให้หยอดน้ำตาเทียมก่อนถอดเลนส์ซักข้างละ 1 หยดนะคะ เพราะจะช่วยให้ตาคุณชุ่มชื่น เวลาจับเลนส์ออกมา เลนส์จะไม่แข็ง แล้วเราก็จะไม่แสบตาด้วยค่ะ
6.4 ความสะอาดของมือก่อนใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์
การใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ ทุกคนรู้ดีว่าต้องล้างมือ แต่หลังการล้างมือ กรุณาเช็ดมือด้วยผ้าที่ไม่มีขนหรือขุยนะคะ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว มือที่เปียกน้ำก็จะติดขุยจากผ้าไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งถ้าถอดคอนแทคเลนส์ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าตอนใส่อาจทำให้มีขุยของผ้าขนหนูติดที่เลนส์ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเคียงตานั่นเอง
6.5 การทำความสะอาดเลนส์
หลังถอดคอนแทคเลนส์ให้ล้างโดยวางเลนส์ที่กลางฝ่ามือ เทน้ำยาแช่เลนส์ลงไปพท่วมเลนส์ ถูขึ้น-ลงสักครู่(แต่ส่วนใหญ่เลนส์มันจะเกาะนิ้วนิดนึง) ถูเสร็จแล้วก็จับที่ขอบคอนแทคเลนส์ ฉีดน้ำยาแช่เลนส์ทั้ง 2 ด้าน แล้วค่อยเอาไปแช่ในตลับค่ะ ถ้าเป็นเลนส์แบบรายปีอาจจใช้น้ำยาล้างคราบโปรตีนสักเดือนละ 1-2 ครั้งก็ได้ค่ะ
วิธีใช้น้ำยาล้างคราบโปรตีน ให้เติมน้ำยาล้างคราบโปรตีนข้างละ 1 หยดลงไปในแต่ละข้างของตลับแช่เลนส์ที่มีน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์อยู่ ทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นก็ล้างคอนแทคเลนส์อีกสัก 2 ครั้งด้วยน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ก่อนใส่ค่ะ จะเอาใส่ตลับแช่ปิดฝาแล้วเขย่าๆ หรือ เอานิ้วถูด้วยก็ได้ค่ะ แต่ต้องทำให้เลนส์สะอาดนะคะ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว เวลาเอามาใส่จะรู้สึกแสบตาได้ค่ะ
6.6 ตลับคอนแทคเลนส์
การใช้ตลับคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ เปลี่ยนใหม่ทุกๆ 3 เดือนค่ะ แล้วก็ควรทำความสะอาดตลับคอนแทคเลนส์ด้วยการล้างและผึ่งลมให้แห้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคด้วยค่ะ

7. ใส่คอนแทคเลนส์ที่ไรใช้เวลานานมาก
ขั้นตอนการใส่คอนแทคเลนส์
- ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
- นำเลนส์ที่ล้างทำความสะอาดแล้ว วางบนนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าถูกด้าน
- ใช้นิ้วกลางมือข้างที่ถือเลนส์ดึงเปลือกตาล่างลง
- แล้วใช้นิ้วกลางมืออีกข้างหนึ่งดึงเปลือกตาบนขึ้น
- วางเลนส์กลางตาดำ
- เหลือบมองด้านล่าง แล้วปล่อยเปลือกตาล่างก่อน
- หลับตาใช้นิ้วกดบนเปลือกตาเบา ๆ

8. ถอดคอนแทคเลนส์ที่ไหร่แสบตาทุกที
ขั้นตอนการถอดคอนแทคเลนส์
- ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
- เหลือบขึ้นบน ใช้นิ้วกลางดึงเปลือกตาล่างลง
- เลื่อนเลนส์ลงมาด้านล่าง
- ค่อย ๆ หยิบเลนส์โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ห้ามใช้เล็บเด็ดขาด
- ถอดคอนแทคเลนส์ออกแล้วล้างทำความสะอาดทุกครั้ง ด้วยน้ำยาล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ ตามขั้นตอนการล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง

9. ห่ากใส่คอนแทคเลนส์ไปเที่ยวจะดูแลอย่างไร
ถ้าเป็นการเดินทางโดยทางบก ทำการดูแลรักษาเช่นเดียวกับปกติ ควรถอดคอนแทคเลนส์ก่อนนอนทุกครั้ง สำหรับในการเดินทางไกล มีข้อแนะนำดังนี้
- อากาศบนเครื่องที่ค่อนข้างแห้ง จะทำให้คอนแทคเลนส์สูญเสียความชื้นไปอย่างรวดเร็ว ให้ใช้น้ำยาหยอดตาทุกๆ สองชั่วโมงเพื่อคงความชุ่มชื้นให้กับดวงตา และให้ทำเช่นเดียวกันกับการเดินทางไปประเทศที่มีอากาศหนาว
- นำแว่นตาไปในระหว่างการเดินทางด้วย เพื่อเปลี่ยนใส่กับคอนแทคเลนส์หรือสำรองไว้ในกรรีที่คอนแทคเลนส์มีปัญหาหรือสูญหาย
- ถอดคอนแทคเลนส์เมื่อคุณรู้สึกไม่สบายตา ทำความสะอาดและแช่ไว้ในน้ำยา Multi-purpose อาจจะลองใส่คอนแทคเลนส์อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้ายังคงมีปัญหาเช่นเดิม ให้ถอดออกและอย่าพยายามใส่อีกเพื่อป้องกันความบาดเจ็บที่อาจจะเกิดกับดวงตา
- นำยาหยอดตาที่มียาปฏิชีวนะ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน

10. การเริ่มต้นการใช้เลนส์ที่ถูกวิธีต้องไปพบจักษุไหม
ควรบอกจักษุแพทย์ เป็นผู้เลือกเลนส์ที่น่าจะเหมาะสมกับคุณบอกความต้องการของคุณให้ชัดเจนว่า ต้องการใช้เลนส์อะไรเอาเลนส์นิ่มหรือแข็ง อยากให้ชัดมากๆหรือเอาสบายๆ เข้าไว้ อยากใส่เลนส์ทุกวันหรือเฉพาะวันตีกอล์ฟ เอาแบบเปลี่ยนรายวันหรือเอาแบบประหยัดถ้าคุณเป็นคนแพ้ง่ายก็บอกไปด้วย งานอาชีพของคุณ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นพนักงานบนเครื่องบินเป็นศัลยแพทย์ มีข้อพิจารณา ข้อระวังในการ เลือกเลนส์เหมือนกัน คุณหมอจะให้คุณลองคอนแทคเลนส์ที่เลือกไว้ประเมินผลเบื้องต้นถ้าพอดี ก็ให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันสัก 2-3 วัน แล้วนัดกลับมา
ตรวจอีกครั้งให้แน่ใจว่าเลนส์พอดี แต่พอไปใส่ทำงาน เมื่อตาแห้งเลนส์หลวมลง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณควรขอใบPrescription จากคุณหมอ เพื่อสั่งซื้อเลนส์ในคราวต่อๆ ไป ซึ่งอาจซื้อตามร้านค้า หรือเดี๋ยวนี้สั้งทำทาง Internet ก็ได้เมื่อได้เลนส์มา ควรตรวจสอบที่ข้างกล่องว่า ตรงกับใน Prescrition หรือไม่ซึ่งประกอบด้วย
Lens Power สั้นยาว เอียง เท่าไร
Base Curve ซึ่งย่อว่า B.C. หมายถึงความคับหลวมของเลนส์
Diameter หรือเส้นผ่านศูนย์กลางเลนส์ต่างยี่ห้อที่กำลังเท่ากัน
มี Base curve เท่ากัน อาจจะใส่ไม่พอดีเหมือนเดิมถ้าใส่เลนส์อะไรพอดีแล้ว ควรใช้แบบเดิมตลอด ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ

ขอขอบคุณ : http://www.tophow2.com


แนะ 5 ท่าบริหาร “ยืดอายุข้อเข่า” ให้ญาติผู้ใหญ่

แนะ 5 ท่าบริหาร “ยืดอายุข้อเข่า” ให้ญาติผู้ใหญ่

เข่า
บ้านที่มีผู้สูงวัย หรือมีสมาชิกที่น้ำหนักตัวมากเป็นพิเศษ คงจะปฏิเสธอาการเจ็บปวดบริเวณข้อเข่าไปไม่ได้ เพราะเป็นอาการที่เกิดจากการแบกรับน้ำหนักตัว ประกอบกับข้อเข่าเริ่มมีอาการเสื่อมไปตามวัย
      
       ดังนั้น แนวทางการรักษาอาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ประมาณ 1-5 แสนบาทเป็นอย่างต่ำ แต่หากมีการดูแลรักษาข้อเข่าอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานข้อเข่าไปได้อีกนาน ซึ่งบางคนสามารถใช้งานได้ดีจนถึงอายุ 80 ปี เลยทีเดียว
       

       กับการดูแลรักษาข้อเข่าอย่างถูกวิธีนั้น “นพ.สวัสดิ์ วิเศษสัมมาพันธ์” กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ และ “นพ.นรฤทธิ์ ล้วนจำเริญ” พร้อมด้วยทีมนักกายภาพกลุ่มงานเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้แนะนำท่าบริหารที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานข้อเข่า ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือทำให้กับญาติผู้ใหญ่ของคุณได้ทุกวัน และทุกสถานที่ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือให้ยุ่งยาก โดยมี 5 ท่าบริหารข้อเข่า ดังต่อไปนี้
      
       ท่าที่ 1 ชันเข่าเกร็งข้อ นอนราบไปกับพื้น หรือ เตียงนอน จากนั้นชันเข่าขึ้นมา และยกขาอีกข้างขึ้นมาอย่างช้าๆ ประมาณ 45 องศา เกร็งกล้ามเนื้อต้นขา ยกค้างไว้ 10 วินาที หรือ นับ 1-10 โดยทำเช่นเดียวกันนี้ทีละข้าง ข้างละ 10 ครั้ง ทำซ้ำเป็นจำนวน 3 เซ็ต จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง และช่วยแบ่งเบาการรับน้ำหนักที่บริเวณ ข้อเข่าได้เป็นอย่างดี
      
       ท่าที่ 2 งอเข่าคร่อมหมอน นอนราบไปกับพื้น หรือ เตียงนอน จากนั้นเอาขาพาดคร่อมไปบนหมอน จากนั้น ดึงขางอเข่าทั้งสองข้างเข้ามา ให้เท้าลอยจากพื้น เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาค้างไว้ 10 วินาที หรือ นับ 1-10 แล้วเหยียดขาออกไป เกร็งกล้ามเนื้อขาค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำจำนวน 3 เซ็ต
      
       ท่าที่ 3 เกร็งข้อพาดหมอน นอนราบไปกับพื้น หรือ เตียงนอน จากนั้นเอาขาพาดไปกับหมอน และยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งอย่างช้าๆ ประมาณ 45 องศา เกร็งกล้ามเนื้อต้นขา ยกค้างไว้ 10 วินาที หรือ นับ 1-10 โดยทำเช่นเดียวกันนี้ทีละข้าง ข้างละ 10 ครั้ง ทำซ้ำเป็นจำนวน 3 เซ็ต การบริหารท่านี้ช่วยทำให้การไหลเวียนเลือดของขาดีขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อขามีความยืดหยุ่นมากขึ้น
 ท่าที่ 4 คว่ำหน้าเกร็งข้อ นอนคว่ำหน้าราบไปกับพื้น หรือ เตียงนอน จากนั้นยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งอย่างช้าๆ ประมาณ 90 องศา เกร็งกล้ามเนื้อต้นขา ยกค้างไว้ 10 วินาที โดยทำเช่นเดียวกันนี้ทีละข้าง ข้างละ 10 ครั้ง ทำซ้ำเป็นจำนวน 3 เซ็ต ท่านี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณข้อเข่าด้านหลังมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
      
       ท่าที่ 5 กระดกขา นั่งบนโต๊ะ หรือ เก้าอี้ที่สูงพอสมควร โดยให้เท้าสองข้างลอยจากพื้นประมาณประมาณ จากนั้นยกขาขึ้นมาทีข้างหนึ่งช้าๆ ประมาณ 30 องศา เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาเล็กน้อย ในขณะที่ยกขาค้างไว้ 10 วินาที ทำเช่นเดียวกันนี้ทีละข้าง ข้างละ 10 ครั้ง จำนวน 3 เซ็ต จะช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานและการไหลเวียนโลหิตบริเวณข้อเข่าดีขึ้น ช่วยแบ่งเบาการรับน้ำหนักที่บริเวณข้อเข่าได้
       
       ทั้ง 5 ท่าบริหารข้อเข่าข้างต้น สามารถปฏิบัติได้แบบสบาย ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน เมื่อปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณข้อเข่าแข็ง แรงยิ่งขึ้นช่วยแบ่งเบาการรับน้ำหนักตัวของข้อเข่า เหมาะกับครอบครัวที่สมาชิกมีปัญหาข้อเข่า หรือผู้ที่ต้องการดูแลรักษาข้อเข่าให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ขอขอบคุณ :  http://www.tophow2.com




อาการปวดบอกโรคได้

อาการปวดเกิดจากประสาทสัมผัสรับความรู้สึก (sensory modality) ที่ร่างกายมีอยู่ตามปกติ เป็นสัญญาณบอกอันตรายที่เกิดขึ้นภายในและภายนอกร่างกาย หรือกำลังประท้วงว่าคุณใช้งานร่างกายหนักเกินไป คนที่เกิดมาแล้วไม่มีความรู้สึกปวดเลย เช่น ภาวะ hereditary sensory autonomic neuropathy จะอายุไม่ยืนเพราะไม่มีกลไกสำคัญในการป้องกันตัวเองจากโรคติดเชื้อ บาดแผล หรือแม้กระทั่งความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้

ปวดหัวแบบไหนที่ไม่ธรรมดา

อาการ ปวดหัวไม่ใช่การปวดที่สมองโดยตรง แต่อาจเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและคอหดตัว โดยทั่วไปเป็นแล้วหายเองได้ แต่ถ้าอาการปวดไม่ดีขึ้นและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ควรไปพบแพทย์

สิ่งที่คุณควรบอกแพทย์เมื่อปวดหัวคือ


* รูปแบบการปวด - ปวดทันทีแบบไม่เคยเป็นมาก่อน - ปวดเป็นๆหายๆ - ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
* ประวัติการปวด - ปวดเป็นครั้งแรก - เคยปวดแบบนี้มาก่อนแล้ว - เป็นๆ หายๆ
* ตำแหน่งที่ปวด - ขมับ - กลางหัว - ทั้งหัว - ท้ายทอย - ด้านซ้าย - ด้านขวา - ปวดต่อเนื่องไปที่คอ สะบัก แขน ไหล่ หรือหลัง - อื่นๆ
* ช่วงเวลาการปวด - เช้า - กลางวัน - เย็น - กลางคืน - ไม่เป็นเวลา
* ระยะเวลาปวด - 30 นาที - 1-2 ชั่วโมง - ทั้งวัน - ไม่แน่นอน - อื่นๆ
* อาการปวด - ปวดแบบหนักหัว เหมือนถูกบีบรัดหัว - ปวดแบบมึน - ปวดและเจ็บตามหนังศีรษะ เส้นผม - ปวดเมื่อต้องใช้สายตาเพ่งมอง - อื่นๆ
* อาการร่วม - มีไข้ - คอแข็ง - คลื่นไส้ อาเจียน - เห็นแสงระยิบระยับในตา - มีน้ำมูก ปวดโพรงไซนัส

อาการ : ปวดหัวรุนแรง ไม่มีไข้ หรือปวดหัวรุนแรงหลังเกิดอุบัติเหตุ
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : อุบัติเหตุที่ศีรษะ เลือดออกในศีรษะ ความดันสูง เส้นเลือดโป่งพอง 


อาการ : ปวดหัวเฉียบพลันรุนแรงมากจนทนไม่ได้ มีอาการทางระบบประสาท เช่น มือสั่น สูญเสียความจำ เคลื่อนไหวลำบาก
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : โพรงในสมองโต (มีน้ำในสมอง) เนื้องอก และเลือดออกในสมอง 


อาการ : ปวดหัวรุนแรง มีไข้สูง คอแข็ง คลื่นไส้ อาเจียน
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : เยื่อหุ้มสมองอักเสบ 


อาการ :
ปวดหัวเป็นประจำ ไม่โปร่งหัว ตึงหัว หนักหัว ปวดท้ายทอย บางครั้งปวดหัวตุ๊บๆ
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ปวดหัวจากความเครียด (Tension headache) 

อาการ :
ปวดหัวแบบเป็นๆ หายๆ เวลาปวดปวดมาก แต่เวลาหายก็หายสนิท มีรูปแบบการปวดแน่นอน คือค่อยๆ ปวดจนพีค แล้วปวดหัวตุ๊บๆ จากนั้นจึงอาเจียน ก่อนปวดหัว อาจเห็นแสงระยิบระยับในตา มองเห็นตัวหนังสือยึกยักร่วมด้วย
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ไมแกรน 


อาการ : ปวดคล้ายปวดหัวจากความเครียด หรือไมแกรน ที่สำคัญมักมีอาการเจ็บและปวด เวียนหัว ตามัว เจ็บหนังศีรษะ แตะผมแล้วเจ็บ เจ็บเวลากลอกตา บางครั้งแขนขาอ่อนแรง หรืออาจปวดลามไปที่คอ สะบัก แขน ไหล่ หรือหลังด้วย
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ปวดหัวจากเส้นประสาทอักเสบ 


อาการ : ปวดหัว ร่วมกับมีน้ำมูกไหล มีกลิ่นปาก ปวดโพรงไซนัส
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ปวดหัวจากไซนัส 


อาการ : ปวดหัวเมื่อใช้สายตานานๆ ปวดหัวรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ปวดหัวจากตา ได้แก่ ต้อหิน สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง 



***********************************************************


ปวดท้องแบบไหนที่ไม่ธรรมดา

อาการปวดท้องที่ต้องพบแพทย์ทันที คือ ปวดท้องเฉียบพลัน รุนแรง ความดันต่ำ เป็นลม ไข้ขึ้น มีเลือดออกร่วมด้วย (อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระมีสีดำ) ซึม ไม่รู้สึกตัว และมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

สิ่งที่คุณต้องบอกแพทย์เมื่อปวดท้อง
คือ รูปแบบการปวด ประวัติการปวด ช่วงเวลาการปวด ระยะเวลาปวด เช่นเดียวกับการเช็คอาการปวดหัว รวมทั้ง..

* ตำแหน่งที่ปวด - ทั้งท้อง - ซ้ายบน - ซ้ายล่าง - ขวาบน - ขวาล่าง - ข้างซ้าย - ข้างขวา - อื่นๆ
* อาการ - ปวดเกร็งๆ เป็นพักๆ - ปวดแสบ - ปวดมวน - อยากถ่าย - ปวดแบบลำไส้ถูกบิด - อื่นๆ
* อาการร่วม - อึดอัด แน่นท้อง - ท้องร่วง ท้องเสีย - มีไข้ - ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน - รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ - คลื่นไส้อาเจียน - แสบร้อนหน้าอก - ตาเหลือง ตัวเหลือง
* สิ่งกระตุ้นอาการปวด - ความหิว - แอลกอฮอล์ - ชา กาแฟ - อาหารมันเลี่ยน - อื่นๆ
* สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น - การกินอาหาร - นอนพัก - นั่งงอตัว - อื่นๆ เช่น ยาแก้ปวด ยาเคลือบกระเพาะ ฯลฯ

อาการ : ปวดหรือจุกเสียดช่องท้องส่วนบน อึดอัด แน่นท้อง หรือท้องเฟ้อแม้กินอาหารเข้าไปเพียงเล็กน้อย
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : การย่อยอาหารไม่ดี 


อาการ : ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ อาเจียน มีเลือดปนในอุจจาระ
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : อาหารเป็นพิษ 


อาการ :
ปวดท้องแบบแสบ ปวดทั้งก่อนและหลังกินอาหาร เป็นๆหายๆ จุกเสียดแน่นท้อง และอาจมีคลื่นไส้อาเจียน
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : กระเพาะอาหารเป็นแผล 


อาการ : คล้ายเป็นแผลในกระเพาะ กลืนอาหารแล้วติดคอ จุก ไอกลางดึกโดยเหมือนมีอะไรติดคอ แสบร้อนหน้าอก ไอเรื้อรัง
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : กรดไหลย้อน 


อาการ :
ปวดท้องเฉียบพลัน ปวดท้องด้านล่างขวา จุกเสียดลิ้นปี่ คลื่นไส้อาเจียน หากเป็นไส้ติ่งแตก อาจมีไข้ร่วมด้วย
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ไส้ติ่งอักเสบ 


อาการ : ปวดท้องรุนแรง ปวดเกร็งช่องท้องบนขวา ปวดร้าวถึงด้านหลัง ท้องอืดหลังอาหารมื้อหนัก 1/2 - 1 ชั่วโมง และมีอาการ 2-3 ชั่วโมง คลื่นไส้ อาเจียน
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : นิ่วในถุงน้ำดี 


อาการ : ปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง 


อาการ : ปวดท้องเฉียบพลันรุนแรงมาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง อาจถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน 


อาการ : ปวดท้องเฉียบพลันรุนแรง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และมีไข้
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ฝี หนองในตับ


อาการ : ปวดท้อง แน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลด กินอาหารไม่ได้ อาเจียน อาการแย่ลงเรื่อยๆ
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : เนื้องอกในกระเพาะอาหาร 



อาการ :
ปวดท้องแบบบีบๆ อยากถ่าย ปวดเป็นพักๆ ท้องอืด แน่นท้อง ท้องเสีย อาเจียน มีไข้ มีอาการไม่เกิน 7 วัน
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน 


อาการ : ปวดท้องเรื้อรังแบบเป็นๆ หายๆ ถ่ายเป็นมูกเลือด ท้องเสีย ปวดท้องนานเกิน 3 สัปดาห์
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ลำไส้อักเสบเรื้อรัง 


อาการ : ปวดท้องแบบเฉียบพลัน ปวดท้องมาก คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะขัด ยาก และมีเลือดปน ไข้ขึ้นสูง
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : นิ่วในไต 


อาการ :
ปวดท้องเฉียบพลัน รุนแรง ปวดร้าวไปถึงด้านหลัง ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นสูงและต่ำลงอย่างรวดเร็ว
สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ : ปวดท้องเฉียบพลันจากหลอดเลือดแดงใหญ่ปริหรือแตก

********************************************************


ปวดหลังแบบไหนที่ไม่ธรรมดา

อาการ ปวดหลังส่วนใหญ่ไม่ร้ายแรงและหายเองได้ แต่อาการปวดหลังที่เป็นไข้หรือความผิดปกติของระบบปัสสาวะด้วย หรือปวดแบบไม่ทุเลาแม้จะนอนพักแล้วก็ตาม เจ็บปวดแบบเฉียบพลันแบบไม่รู้สาเหตุ อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ได้มาจากกล้ามเนื้อและข้อ เช่น

* เนื้องอกของกระดูกสันหลัง หรือมะเร็งที่กระจายมาที่กระดูกสันหลัง
* ความผิดปกติของอวัยวะภายใน แล้วมีอาการปวดร้าวไปถึงหลัง เช่น นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
* การอักเสบหรือมีการติดเชื้อ เช่น วัณโรคกระดูกสันหลัง

สิ่งที่คุณต้องบอกแพทย์เมื่อปวดหลัง คือ รูปแบบการปวด ประวัติการปวด ช่วงเวลาการปวด ระยะเวลาปวด เช่นเดียวกับการเช็คอาการปวดหัว รวมทั้ง..

* ตำแหน่งที่ปวด - ปวดทั้งแผ่นหลัง - กลางกระดูกสันหลัง - ปวดเอว - กดกล้ามเนื้อแผ่นหลังแล้วเจ็บ - อื่นๆ
* อาการ - ปวดเมื่อยตามตัว - ปวดตามกล้ามเนื้อ - ปวดร้าวหลังและไหล่ - อื่นๆ
* อาการร่วม - มีไข้ - ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน - รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ - คลื่นไส้อาเจียน - เบื่ออาหาร - ความดันเลือดสูง - อื่นๆ

อาการ : ปวดเมื่อย กล้ามเนื้อตึงตัว เคลื่อนไหวลำบาก หลังยกของหรือทำงานหนัก
โรค : ปวดหลังแบบธรรมดา 


อาการ : ปวดเสียว กล้ามเนื้อกระตุก ปวดเหมือนไฟฟ้าช็อต
โรค : เส้นประสาทอักเสบ 


อาการ : มีไข้สูงลอย 2-7 วัน ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่มีอาการไอ เจ็บคอ มีจุดแดงขึ้นตามตัว
โรค : ไข้เลือดออก 


อาการ :
มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เจ็บหน้าอก รู้สึกอ่อนเพลีย
โรค : ไข้หวัดใหญ่ 



อาการ : ปวดหลัง ปวดเอว มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดแสบปวดร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ
โรค : ไตและกรวยไตอักเสบ 


อาการ : ปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง อาจคลำพบก้อนบริเวณไต มีเลือดปนในปัสสาวะ ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง
โรค : ถุงน้ำในไต 


อาการ : ครั่นเนื้อครั่นตัว ทางเดินอาหารผิดปกติ มีไข้ ปวดรุนแรงและเรื้อรังตามเส้นประสาท มีผื่นแดงและตุ่มน้ำขนาดเล็ก
โรค : งูสวัด


ขอขอบคุณ : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2aa5ea1f0bb49e17 and google



ท้องอืด... อาหารไม่ย่อย


ท้องอืด... อาหารไม่ย่อย / ศ.พญ.ศศิประภา บุญญพิสิฎฐ์ อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหาร
คอลัมน์สายตรงสุขภาพกับศิริราช


สังเกตไหมคะว่า น้อยคนนักที่จะไม่เคยมีอาการท้องอืดเลย โดยเฉพาะคนในเมืองหลวง แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่มีอาการนี้กันทุกครัวเรือน


ผู้ที่มีอาการท้องอืด จะรู้สึกปวดท้องส่วนบน ทำให้แน่นท้อง มีลมในท้อง ต้องเรอบ่อยๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อิ่มเร็ว หรืออาจมีอาการแน่นท้อง แม้กินอาหารเพียงเล็กน้อย และแสบบริเวณหน้าอก


สาเหตุนั้น เกิดจากหลายอย่างด้วยกัน ตั้งแต่

1. โรคในระบบทางเดินอาหารเอง ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร พยาธิในทางเดินอาหาร อาการแสบบริเวณหน้าอก ซึ่งอาจจะเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อนได้
2. โรคที่เกิดจากสิ่งภายนอก ได้แก่
* ยาต่างๆ ที่กิน ยาหลายชนิดจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ได้แก่ ยาแก้ปวดข้อทั้งหลาย
* ยาบางชนิด จะทำให้กระเพาะและลำไส้บีบตัวน้อยลง เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาปฏิชีวนะบางอย่าง
* เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม เช่น สุรา เบียร์ หรือน้ำชา กาแฟ จะทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ รวมทั้งการระคายเคืองจากบุหรี่
* ตลอดจนอาหารที่ย่อยยากหลายอย่าง รวมทั้งอาหารที่มีกากมากๆ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง
3. โรคของทางเดินน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี
4. โรคของตับอ่อน
5. โรคทางร่างกายอย่างอื่น ๆ เช่น เบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์
6. พฤติกรรมในการกิน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการท้องอืด โดยเฉพาะอาหารรสจัด จะทำให้เยื่อบุอาหารอักเสบ การกินอาหารรีบร้อน เคี้ยวไม่ละเอียด หรือกินครั้งละมากๆ รวมทั้งกินอาหารที่ย่อยยาก อาหารมัน

สำหรับผู้ที่ชอบกินผัก แม้จะมีเส้นใยมาก ถ้ากินมากไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดขึ้นได้ เนื่องจากร่างกายเราไม่มีน้ำย่อยเส้นใยเหล่านี้ ต้องอาศัยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นตัวช่วยย่อยสลาย อย่างไรก็ตาม อาหารประเภทผักก็มีประโยชน์ เพราะทำให้การขับถ่ายสะดวก

เช่นเดียวกับอาหารประเภทนมนั้น ในคนแถบเอเชียจะไม่มีน้ำย่อยที่ย่อยนม หรือถ้ามีก็มีปริมาณน้อย เมื่อกินนมเข้าไปมาก อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสีย ควรงดหรือค่อยๆ ดื่มนมทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับตัวจนดื่มนมได้ในปริมาณที่ต้องการ แต่หากดื่มนมเปรี้ยว จะไม่มีอาการ เนื่องจากในนมเปรี้ยวจะมีการย่อยนมไปเป็นบางส่วนแล้ว


ท้องอืดบ่อยๆ ผิดปกติหรือไม่

อาการท้องอืด ถ้านานๆ เป็นครั้งคราว จะไม่เป็นไร แต่ปัญหาที่พบบ่อยในคนที่ท้องอืด คือ โรคกระเพาะ อาจเป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบ บางคนอาจเป็นโรคของทางเดินน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือจากอาหารที่เรากินเข้าไป แต่ถ้าเป็นบ่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มักจะเป็นสัญญาณเตือนถึงอาการนำอย่างหนึ่งของมะเร็งในช่องท้อง ร่วมด้วยอาการอื่นๆ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ซีด ซึ่งควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด


แก้ไขเบื้องต้น

การแก้ไขเบื้องต้น อาจใช้ยาสามัญประจำบ้าน ได้แก่ ยาขับลม หรือ ยาธาตุน้ำแดง ลองกินดูก่อน และปรับอาหารโดยกินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายแต่พอควร ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์


ส่วนการกินยาช่วยย่อย อาจช่วยลดอาการท้องอืดได้บ้าง แต่ถ้าต้องกินทุกวัน คงจะไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการท้องอืด ซึ่งอาจจะทำให้โรคเป็นมากขึ้นได้


เมื่อใดควรไปพบแพทย์

ผู้ที่มีอาการดังนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษา
1.ในผู้สูงอายุ เช่น อายุเกิน 40 ปี เพิ่งจะเริ่มมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ
เนื่องจาก พบว่ามะเร็งของกระเพาะอาหาร หรือตับมักจะพบในคนอายุเกินกว่า 40 ปี
2.ในคนที่มีอาการท้องอืดร่วมกับมีน้ำหนักลด
3.มีอาการซีด ถ่ายอุจจาระดำ
4.มีอาเจียนติดต่อกัน หรือกลืนอาหารไม่ได้
5.ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีก้อนในท้อง
6.ปวดท้องมาก
7.ท้องอืดแน่นท้องมาก
8.การขับถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็น เช่น อาการท้องผูกมากขึ้น จนต้องกินยาระบายหรืออาการท้องผูกสลับท้องเดิน เป็นต้น


การรักษา

ถ้าในคนอายุน้อยไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าเป็นโรคที่อันตราย แพทย์อาจให้ยามากิน และแนะนำวิธีปฏิบัติตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน และนัดมาพบเพื่อดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้น แพทย์อาจดำเนินการสืบค้นหาสาเหตุ ที่แท้จริงต่อไป

เรื่องเล็กที่ไม่เล็ก หากละเลย สุขภาพดีเกิดขึ้นได้ถ้าคุณใส่ใจ


ขอขอบคุณ : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=0524aeaba2509d34&clk=wttpcts
and google

วิธีแก้สะอึก สะอึกทำอย่างไรดี

 สะอึก (hiccup) เกิดจากกะบังลมทำงานไม่เป็นปกติ กะบังลมกั้นอยู่ระหว่างช่องท้องกับช่องอก ทำงานโดยยืดและหดในจังหวะสม่ำเสมอเพื่อช่วยในการหายใจ สาเหตุของการสะอึกอาจเกิดจากมีอะไรไปรบกวนประสาทที่ควบคุมการทำงานของ กะบังลม ลมในกระเพาะอาหารขยายตัวไปกระตุ้นปลายประสาทที่มาเลี้ยงกะบังลม หรืออวัยวะใกล้กะบังลมเป็นโรคบางอย่าง เช่น เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
     
       สาเหตุเหล่านี้ทำให้กะบังลมหดตัวอย่างรุนแรงทันทีทันใด การบีบรัดตัวของกะบังลมทำให้แผ่นเหนือกล่องเสียงที่คอหอยซึ่งปกติคอยกั้นไม่ ให้อาหารเข้าไปในหลอดลมปิดลง เมื่อกะบังลมหดตัวอย่างรุนแรงก็จะดึงอากาศเข้าสู่ปอดผ่านคอหอย อากาศจึงกระทบกับแผ่นปิด แล้วทำให้สายเสียงสั่นสะเทือน จึงเกิดเป็นเสียงสะอึก
     
       อาการสะอึกอาจเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ และหายไปได้เอง ใช้เวลาไม่กี่วินาทีไปจนถึง 2-3 นาที ซึ่งพบได้บ่อยๆ แต่หากสะอึกอยู่นานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆ หรือสะอึกในขณะนอนหลับ อาจต้องหาสาเหตุว่ามาจากโรคของอวัยวะต่างๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น โรคเกี่ยวกับอวัยวะในช่องท้อง ในช่องปอด ในระบบสมองและประสาทส่วนกลาง เป็นต้น
     
       คนส่วนใหญ่มักจะสะอึกหลังจากการรับประทานอาหารมากเกินไปหรือเร็วเกิน ไป หรือรับประทานอาหารที่ทำให้มีก๊าซมาก บางคนอาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่มากเกินไป บางคนที่มีความตึงเครียดมากเกินไป ก็อาจเป็นสาเหตุของการสะอึกได้
     
       เทคนิคหยุดอาการสะอึกมีหลายวิธี การศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา พบว่า การกลืนน้ำตาลทรายเปล่าๆ 1 ช้อนโต๊ะ สามารถแก้อาการสะอึกได้ถึง 19 คน จากจำนวน 20 คน
     
       
นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ อีกหลายวิธี ได้แก่
       - สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นหายใจไว้สักพัก
       - หายใจในถุงกระดาษ
       - กลืนน้ำแข็งบดละเอียด
       - เคี้ยวขนมปังแห้ง
       - บีบมะนาวให้ได้สัก 1 ช้อนชา แล้วจิบแก้สะอึก
       - ก้มตัวดื่มน้ำจากขอบแก้วด้านตรงข้ามหรือด้านที่ไกลจากริมฝีปาก
       - จิบน้ำจากแก้วเร็วๆ หลายๆ อึก ติดๆ กัน
       - ใช้นิ้วมืออุดหูประมาณ 20-30 วินาที
       - อุดหูไปด้วย แล้วดูดน้ำจากหลอดไปด้วย
       - แหงนหน้า กลั้นหายใจ นับ 1-10 จากนั้นหายใจออกทันที แล้วดื่มน้ำหนึ่งแก้ว
       - ใช้นิ้วคีบลิ้นแล้วดึงออกมาเบาๆ หรือแลบลิ้นออกมายาวๆ
       - กดจุด โดยออกแรงบีบเนินใต้นิ้วโป้งของมืออีกข้างหนึ่ง หรือกดบริเวณร่องเหนือริมฝีปาก
       - นวดเพดานปาก
       - ทำให้ตกใจ เช่น ตบหลังแรงๆ โดยไม่ให้รู้ตัวก่อน
       - ถ้าเป็นเด็กอ่อนควรอุ้มพาดบ่าใช้มือลูบหลังเบา ๆ ให้เรอ


 ขอขอบคุณ :  www4.eduzones.com/pattie/2594  และภาพจากอินเตอร์เน็ต






อาหารแสลง ห้ามกินเมื่อป่วย 10 โรคต่อไปนี้

http://variety.teenee.com/foodforbrain/img9/104143.jpg
อาหารแสลง คือ อาหารที่จะทำให้อาการป่วยของโรคนั้นๆ ทรุดหนักขึ้นเมื่อเราทาน อาหารแสลง นั้นเข้าไป ฉะนั้นเมื่อเวลาที่เราเป็นโรคอะไรสักอย่างก็มักจะมีการห้ามทาน อาหารแสลง นั้นๆ ขึ้นมาเพื่อไม่ให้โรคนั้นเป็นหนักขึ้นหรือรุกรามไปมากกว่าที่เป็นอยู่นั้น เองค่ะ และวันนี้เราก็มีคำแนะนำเกี่ยวกับ อาหารแสลงห้ามกินเมื่อป่วย อีกด้วยค่ะ ซึ่ง 10 โรคต่อไปนี้จะห้ามอาหารแสลงอะไรบ้างก็มาดูกันได้เลยค่ะว่าอาหารแสลงของแต่ละ โรคนั้นมีอะไรกันบ้างเอ่ยที่ห้ามกิน

“อาหารแสลง” ห้ามกินเมื่อป่วย
1. เป็นไข้หวัด มีไข้สูง

ควร หลีกเลี่ยงอาหารไม่สุก อาหารที่เย็นมากๆ อาหารทอด อาหารมัน ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยยาก จะทำให้เกิดความร้อนสะสมเปรียบเสมือนอาหารเชื้อเพลิงหรือเป็นการเติมน้ำมัน เข้าไปในกองไฟ

2. โรคกระเพาะ

ควร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ชาแก่ๆ กาแฟ ของเผ็ด ของทอด ของมัน เพราะอาหารเหล่านี้ ทำให้เกิดความร้อนสะสมทำให้โรคหายยาก ทางที่ดีควรจะรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและเป็นอาหารที่ย่อยง่าย

3. โรคความดันเลือดสูง

ควร หลีกเลี่ยงอาหารมันอาหารที่มีคอเรสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้น ไขกระดูก ไข่ปลา โกโก้ รวมทั้งเหล้า เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสมในร่างกายและความชื้นก็มีผลก็ ทำให้เกิดความหนืดของการไหลเวียนทุกระบบในร่างกาย และความร้อนก็จะไปกระตุ้นทำให้ความดันสูงนอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หรืออาหารหวานมาก รวมทั้งผลไม้อย่างลำไย ขนุน ทุเรียน

4. โรคตับและถุงน้ำดี

หลีก เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารมัน เนื้อติดมัน เครื่องในสัตว์ อาหารทอด อาหารหวานจัด เพราะแพทย์จีนถือว่าตับและถุงน้ำดีมีความสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร การได้อาหารประเภทดังกล่าวมากเกินไปจะทำให้สมรรถภาพของการย่อยอาหารอ่อนแอลง และเกิดโทษต่อตับและถุงน้ำดีอีกต่อหนึ่ง

5. โรคหัวใจและโรคไต

ควร หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดเพราะจะทำให้มีการเก็บกักน้ำการไหลเวียนเลือดจะ ช้าทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตต้องทำงานขับเกลือแร่มากขึ้น ส่วนอาหารรสเผ็ดก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะทำให้กระตุ้นการไหลเวียนสูญเสียพลังงาน และหัวใจก็ทำงานหนักขึ้นเช่นกัน

6. โรคเบาหวาน

หลีก เลี่ยงอาหารรสหวานหรือแป้งที่มีแคลอรี่สูง เช่น มันฝรั่ง มันเทศ ควรรับประทานอาหารพวกถั่ว เช่น เต้าหู้ นมวัว เนื้อสันไม่ติดมัน ปลา ผักสด

7. นอนไม่หลับ

หลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมทั้งการสูบบุหรี่ เพราะอาหารเหล่านี้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาททำให้ไม่ง่วงนอนหรือนอนไม่หลับสนิท

8. โรคริดสีดวงทวารหรือท้องผูก

หลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอม กระเทียม ขิงสด พริกไทย พริก เพราะอาหารเหล่านี้อาจทะให้ท้องผูก หลอดเลือดแตกและอาการริดสีดวงทวารกำเริบ

9. ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ หรือโรคหอบหืด

ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแพะ เนื้อปลา กุ้ง หอย ปู ไข่ นม และอาหารรสเผ็ด เพราะจะไปกระตุ้นและทำให้อาหารผิวหนังกำเริบ

10. สิวหรือต่อมไขมันอักเสบ

งด อาหารเผ็ดและมันเพราะทำให้เกิดการสะสมความร้อนชื้นของกระเพาะอาหาร ม้าม มีผลต่อความร้อนชื้นไปอุดตันพลังของปอด ควบคุมผิวหนังขนตามร่างกายทำให้เกิดสิว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ไอเอ็นเอ็น

ขอขอบคุณภาพจาก  : อินเตอร์เน็ต

นอนหมอนไม่เหมาะเสียสุขภาพ

แพทย์ศิริราช แนะท่านอนที่ทำให้หลับสบาย ตื่นขึ้นมาสดชื่น "นอนตะแคงขวา" ช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก บรรเทาอาการปวดหลัง ส่วนผู้ถนัดนอนตะแคงซ้าย อาจทำให้เกิดลมจุกเสียดที่ลิ้นปี่ จึงควรกอดหมอนข้างพร้อมพาดขา ป้องกันขาชาจากการนอนทับเป็นเวลานาน

น.พ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ การนอนหลับ มนุษย์ใช้เวลาเพื่อนอนหลับถึง 1 ใน 3 ของอายุขัย ขณะนอนหลับท่านอนเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้ผู้นอนหลับสนิทตลอดคืน และตื่นนอนด้วยความสดชื่น ไม่รู้สึกปวดเมื่อย

ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปคนเรานิยมนอนหงาย เพราะเป็นท่านอนมาตรฐาน การนอนหงายที่เหมาะสมนั้น ควรใช้หมอนต่ำและต้นคอควรอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้ปวดคอ

อย่างไรก็ตาม ท่านอนหงายไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะกดทับปอดทำให้หายใจไม่สะดวก ส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจลำบากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้มีอาการปวดหลังการนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นด้วย



สำหรับท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับท่านอนอื่นๆ คือท่านอนตะแคงขวา เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ส่วนท่านอนตะแคงซ้ายซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้เพื่อป้องกันอาการชาที่ขาซ้ายจากการนอนทับเป็นเวลานาน

ท่านอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เกิดลมจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดในช่วงก่อนเข้านอนคั่งค้างในกระเพาะอาหาร

ส่วนท่านอนคว่ำ เป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัด ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน

ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

กาแฟคาปูชิโน

คาปูชิโน่ มาจากภาษาอิตาลี ตามชื่อของหมวกของพระ (บาทหลวง) นิกายคาปูชิน (Capuchin) ซึ่ง สูงขึ้นมาเหมือนที่เราเคยเห็นในวาติกันซิตี้ เวลาเราเข้าร้านกาแฟ หลายคนชอบสั่ง คาปูชิโน เพราะชื่นชอบความนุ่มละมุนของฟองนม โรยผงโกโก้ ที่เทบนกาแฟสดเข้มข้น นับเป็นกาแฟเมนูเด่นของเกือบทุกร้าน การทำนั้นยากตรงฟองนมนุ่มละเอียด ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ การลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟแบบ French Press ไม่ใช่เรื่องแปลก และนับว่าคุ้มค่า เพราะสารพัดประโยชน์และราคาถูกกว่าการซื้อเครื่องทำฟองนมระบบอัดไอน้ำ หรือเครื่องทำกาแฟ  หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป อาจจัดอยู่ในแผนกจานชาม เครื่องแก้ว หรือเครื่องชงกาแฟ เครื่องชงนี้ได้ผลดี พอๆ กับเครื่องชงราคาแพง และยังทำให้กาแฟรสชาติดีเยี่ยม โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และองค์ประกอบอื่นให้ยุ่งยาก เครื่องชงกาแฟแบบ French Press ยังนำมาทำฟองนมสำหรับคาปูชิโนได้ทั้งร้อนเย็น ง่ายๆ 


ชามะนาว


ดูเหมือนชามะนาว จะเป็นที่โปรดปรานของสาวๆ หนุ่มๆ ทั้งหลาย ความหอมของชา ความสดชื่นและรสเปรี้ยวของมะนาว ทำให้ลงตัวทั้งรสชาติและกลิ่นหอม แต่ไม่เพียงแค่นั้น ประโยชน์ของมะนาว ยังลดผลข้างเคียงของชา ทำให้แม้จะดื่มมากๆ ก็ไม่ท้องผูก และยังแก้เลี่ยนในอาหารหลายอย่างได้ดีและดีกว่านั้น คุณสามารถทำชามะนาวได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง มะนาวหน้าฝนก็จะถูกมากๆ ไปตลาดไหนก็มี ไปห้างสรรพสินค้าซูปเปอร์มาร์เก็ตไหน ก็มักวางขายในแผนกอาหารสดผักผลไม้ ลองมาทำกันดื่มที่บ้านดีกว่า 

น้ำส้มคั้น น้ำนางเอ้ก นางเอก


น้ำมะระขี้นก


น้ำงาดำ


เตรียม :
- งาดำป่น
- งาขาวป่น
- ถั่วเหลืองป่น
* อย่างละประมาณ 1 ช้อนกินข้าว
- เกลือ
- น้ำตาลทรายแดง

8 สิ่งที่ควรทำในวัย 30+ เพื่อสร้างสุขภาพให้แข็งแรงขึ้น

หากอาหารที่คุณทานในแต่ละวันเป็น อาหารจานด่วน โดยไม่มีผักและผลไม้ รู้ไหมว่า พฤติกรรมเหล่านี้กำลังบั่นทอนอายุคุณให้ลดน้อยลง ไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องปฏิวัติการทานอาหารแบบเดิมๆ เพื่อการมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาด้านโภชนาการ ประจำเฮอร์บาไฟล์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่น่าสนใจมากและทำได้ง่าย ๆ แถมวิธีการที่แนะนำนั้น ล้วนแล้วแต่ทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้คล่องตัว ขณะเดียวกันผิวพรรณใบหน้า ยังแลดูเปล่งปลั่งอ่อนกว่าวัยด้วย

5 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ทุกวันนี้คุณยังชอบดื่มน้ำอัดลมกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่คุณคงต้องเปลี่ยนความคิดกันได้
แล้วล่ะค่ะ เพราะเราจะพาคุณไปพบกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ และก็มีรสชาติอร่อย
ป้องกันและการบรรเทาอาการต่างๆ และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างแน่นอนค่ะ...

เมนูเพื่อสุขภาพที่คุณหาซื้อรับประทาน และสามารถทำได้เองซึ่งมีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพร่าง
กาย และยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ดีต่อสุขภาพค่ะ..

 

ไข่เจียวแหนม

 หน้าตาอย่างนี้
.

ทำแหนมไว้หลายชิ้น ใช้ทำอาหารทานไปหลายอย่างแล้ว วันนี้ก็ทำแบบง่ายๆบ้าง แต่อร่อยนะ เพราะหนุ่มหล่อบ้านนี้ทานหมดในพริบตา

บัวลอยข้าวกล้องงอก



ทำน้ำข้าวกล้องงอกธัญพืช แล้วเราก็ได้กากที่เหลือจากการกรองเอาน้ำไปแล้ว วันนี้เลยทำขนมบัวลอยทาน เพราะมันง่ายดี และก็โพสไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่คิดไม่ออกว่าจะเอากากที่เหลือไปทำอะไรดี

ดูแลสุขภาพด้วย น้ำข้าวกล้องงอก





         
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เวลานี้อาหารสุขภาพยอดฮิตที่ถูกถามหากันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น "น้ำข้าวกล้องงอก" เป็นแน่ เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงปีใหม่มา "น้ำข้าวกล้องงอก" ก็ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการเป็นพิเศษ วันนี้กระปุกเลยนำเรื่องราวของข้าวกล้องงอกมาฝาก พร้อมวิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกด้วยค่ะ

สูตรน้ำข้าวกล้องงอก ขึ้นโต๊ะเสวยในหลวง


วิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกอย่างง่ายๆ มีขั้นตอนดังนี้

เริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่ เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย

น้ำเชอรี่ พร้อมสรรพคุณ

cherry

น้ำมะขาม พร้อมสรรพคุณ

tamarine

แอปเปิ้ลสมูทตี้

apple


แตงโมพั้นซ์

juice

6 วิธีปรับบ้านแคบให้ดูกว้างขึ้น


Living Room Pictures, Images and Photos

ปัจจุบันราคาสินค้าและที่ดินมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆการจะสร้างบ้านสักหลัง
ก็ ต้องคิดถึงงบประมาณต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดิน ราคาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ค่าจ้างช่างในการก่อสร้าง จึงทำให้บ้านมีขนาดเล็กตามงบประมาณที่จำกัด การจัดบ้านจึงค่อนข้างยาก เรามีวิธีทำให้บ้านดูกว้างขึ้นได้ด้วยวิธีง่ายๆดังนี้คือ

การออกแบบให้ห้องน้ำกว้างขึ้น

Bathroom Pictures, Images and Photos

บ้านไหนที่มีพื้นที่ห้องน้ำไม่กว้างมากนัก และอยากออกแบบให้ดูกว้างขึ้น วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเคล็ดลับการออกแบบมาฝากกัน...

เทคนิคแต่งคอนโด พื้นที่จำกัด ให้กว้างขวาง

apartment Pictures, Images and Photos 
 
        ปัญหาของคนที่อาศัยอยู่คอนโดก็ คือพื้นที่ใช้สอยที่มีจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ไปนานๆ ของตกแต่งและของใช้ต่างๆ ที่เราซื้อเพิ่มเข้ามา ล้วนแต่ทำให้คอนโดของเราดูแคบและรกไปถนัดตา วันนี้ Gmember จะพาไปพบกับอินทีเรียดีไซเนอร์ เพื่อขอคำแนะนำสำหรับตกแต่งคอนโดหลังเก่า ให้มีพื้นที่กว้าง โล่ง โปร่ง และอยู่สบาย
 

การตกแต่งครัว ในอาคารชุด

                ครัวในอาคารชุด มัก มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของการตกแต่งภายใน ซึ่งทำให้การตกแต่งในบริเวณควรจะสอดคล้องกับการตกแต่งในบริเวณอื่น โดยที่ควรจัดวางอย่างชาญฉลาดและใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยให้มากที่สุด เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ในส่วนของครัวในห้องชุดนี้ มักมีบริเวณที่ติดกับห้องอื่นและเปิดโล่ง

เทคนิคการแต่งคอนโดให้สวยงาม

     คุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่คอนโดหรือเปล่า  หากใช่  ยินดีด้วยค่ะ  เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ  และเทคนิคในการตกแต่งคอนโดมาฝากค่ะ  ท่านที่ไม่ได้อยู่คอนโด  ก็สามารถประยุกต์เอาไปใช้ได้นะคะ  ตามมาดูกันดีกว่าค่ะ

เทคนิคการจัด“คอนโด”ให้เป็น “บ้าน”สำหรับคนรุ่นใหม่

         
          ห้องลอยฟ้ากลางอากาศที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ขยายและเติบโตขึ้น อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะกรุงเทพฯได้สะท้อนให้เห็นถึงการดำรงชีวิตของคนยุคใหม่ ที่เล็งเห็นถึงความสะดวกสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้ “คอนโด” เป็นคำตอบของกลุ่มคนส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี

เทคนิคการตกแต่งคอนโด ให้สมาร์ท

แนวโน้มการเลือกที่พักอาศัยของคนเมืองในปัจจุบัน ที่เริ่มนิยมหันมาอยู่ “ คอนโดมิเนียม ” กันมากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ที่พักอาศัยจึงไม่ได้จำกัดความเฉพาะคำว่า “ บ้าน ” เหมือนเมื่อก่อน แต่ยังหมายรวมถึง คอนโดมิเนียม อีกด้วย และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เลือกอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และกำลังวางแผนตกแต่งคอนโดมิเนียมอยู่แล้วล่ะก็... คงมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว รวมถึงคำถามที่ว่า จะทำอย่างไรให้คอนโดมิเนียมซึ่งอาจมีพื้นที่จำกัด นั้นอยู่สบายและอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ?

100 เคล็คลับคู่บ้าน



โรงรถมีกลิ่นอับมาก จะขจัดกลิ่นออกได้โดยโรยหญ้าที่เพิ่งตัด มาใหม่ๆ ลงบนพื้นโรงรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด

คอนโดวิมานผัก...ของคนเมือง สวนเกษตรลอยฟ้า

bangkokbiznews.com วันที่ 19 ธันวาคม 2553
โดย : เอื้อพันธุ์ ศรีสุนทร


พืชผักเมืองไทย ปลูกง่าย โตเร็ว กินอร่อย แม้คนอยู่ตึก มีมุมน้อยนิดบนคอนโด ก็ปลูกผักหญ้ากินเองได้ เป็นแนวคิดที่ไม่ใหม่ เพราะมีผู้ริเริ่มและรณรงค์มานานแล้ว แต่ไฉนคนเมืองอยู่แต่ตึกไม่สนใจสีเขียวที่กินได้ในชีวิตจริง โครงการ สวนผักคนเมือง จึงกำเนิดขึ้นโดยผู้ปรารถนาดี อยากให้คนไทยรู้จักปลูกผักกินเอง ใส่ใจในธรรมชาติ กลับมามองของจริงที่จับต้องได้ นอกจากโครงการที่ว่านี้ยังมีมูลนิธิต่างๆ ได้แก่ เอ็นจีโอ สสส. และกลุ่มคนตัวน้อยที่ชวนคนเมืองมาปลูกผัก สร้างเป็นเครือข่ายวิถีเกษตรคนเมือง นอกจากนี้ คนที่อยู่ตึกแต่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด สามารถเข้าร่วมกิจกรรม ฟังอบรมวิธีปลูกผักในเนื้อที่จำกัด จนถึงปลูกข้าวในล้อยางและบ่อซีเมนต์ เขาก็ทำกันมาเห็นผล เป็นเรื่องจริงน่าทึ่งว่า ไม่มีนาข้าวก็ปลูกข้าวกินเองได้...

วันเวลาที่ควรถวายของ



ถวายได้ทุกวัน ทุกเวลา อาจจะนม 1 กล่องเมื่อตื่นนอน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ "ไหว้ลานม"อยู่ที่ทำงาน หากมีพานเล็กๆสำหรับประดิษฐานเทวรูปอยู่บริเวณโต๊ะทำงานด้วย
แล้วนำมาดื่มก่อนออกจากบ้านได้เลย หรือถ้าสะดวกตอนกลางวัน เช่น

การถวาย ปัญจอัมฤต (น้ำวิเศษ 5 อย่าง)


จริงๆแล้วน้ำที่ใช้ถวายบูชาเทพเจ้านั้น จะเป็นน้ำอะไรก็ได้ น้ำผลไม้ต่างๆ น้ำมะพร้าว น้ำอ้อย น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำผัก ฯลฯ
หรือ น้ำสมุนไพร ก็ถวา่ยได้ เช่น น้ำใบบัวบก น้ำตะไคร้ น้ำโสมสกัด น้ำขิง น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ
ขอเพียงเป็นน้ำที่ได้มาจากธรรมชาติ มีความสดใหม่สะอาด ก็จัดสรรมาถวายได้ตามความพึงพอใจของผู้บูชาค่ะ

ความรู้เรื่องการจุดธูป

การจุด ธูป หรือ กำยาน มีวัตถุประสงค์เพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ
- ถวายกลิ่นหอมแก่เทพ
- ให้ควันธูปหรือกำยาน เป็นสื่อนำคำอธิษฐานเราไปสู่เทพ

มีความหมายเพียงเท่านี้ ไม่เกี่ยวว่าต้องใช้กี่ดอก? หรือต้องปักแบบไหน?
คนไทยเข้าใจผิดกันเยอะ เกี่ยวกับการจุดธูป สมัยโบราณนานมา ไม่มีการกำหนดว่าต้องใช้กี่ดอก

รวมสถานที่ฝึกอบรมอาชีพ ของภาครัฐและเอกชน

op1 รวมสถานที่ฝึกอบรมอาชีพ ของภาครัฐและเอกชน

สถานที่ฝึกอบรมอาชีพของภาครัฐและเอกชน

ในช่วงภาวะวิกฤตเศรฐกิจในปัจจุบัน

คนจำนวนมากหันมาฝึกอาชีพ

เพื่อสร้างตัวและสร้างรายได้

ต่อไปนี้เป็นแหล่งฝึกสอนอาชีพต่างๆ

ใครสนใจอยากเรียนรู้อาชีพด้านไหน

เชิญติดต่อสอบถามกันเอง……


บ๊ะจ่างห่อร้อนๆ…เจ้าข้า

44131 บ๊ะจ่างห่อร้อนๆ...เจ้าข้า

บะจ่างบะจ่าง หรือ ขนมจ้าง (ภาษาอังกฤษ : Zongzi;จีน: ?? ข้าวห่อไส้เนื้อ, จีนกลางออกเสียง ?? จ้งจึ คือข้าวห่อด้วยใบไม้)เป็นอาหารจีน ทำด้วยข้าวเหนียวใส่หมูหรือหมูแดงกับถั่วหรือเม็ดบัวและเครื่องปรุงต่างๆ ผัดแล้วห่อด้วยใบไผ่มัดเป็นทรงพีระมิดสามเหลี่ยม บางที่ก็เป็นรูปสี่เหลี่ยม ใช้เชือกมัดแล้วนึ่งให้สุก ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็จะทำไส้แตกต่างกันไปปกติบะจ่างจะมีการทำกันมากในเทศกาล วันไหว้ขนมจ้าง คือวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินทางจันทรคติ บางคนใช้ทานเป็นขนม บางคนก็ทานเป็นอาหาร

โจ๊กหมูร้อนๆ ตอนเช้า


ตอนเช้าๆ ก่อนออกไปทำงาน ใครชอบทานโจ๊กกันบ้าง อาหารเช้ามีความสำคัญเป็นอย่างมากมาลองทำโจ๊กไว้ทานตอนเช้าหรือจะเอาไว้เปิด ร้านขายโจ๊กเป็นอาชีพเสริมวันสุดสัปดาห์ก็ได้ค่ะ

อร่อยแปลก!! ไข่ตุ๋นมะพร้าวน้ำหอม

coconut fragrance อร่อยแปลก!! ไข่ตุ๋นมะพร้าวน้ำหอม

วันนี้นายแก้จนมีเมนูอาหารแปลกๆ แต่ใช่ว่าจะไม่อร่อยมาให้คุณๆลองไปทำแบ่งคนในครอบครัวทานกันครับ รับรองว่าอร่อย

ลองทำไปแบ่งแจกจ่ายคนนั้น คนนี้ดูครับ อร่อยถูกลิ้นจริง จะทำขายเป็นอาชีพเสริม รวยแล้วอย่าลืมนายแก้จนละกันจ๊ะ

ทำขนมหัวล้าน ขนมชื่อแปลก

thai dessert01 ทำขนมหัวล้าน ขนมชื่อแปลก

วันนี้เอาขนมหน้าแปลก แถมชื่อยังแปลกมาแนะนำกันครับ ถ้าทำแล้วอร่อย เอามาแบ่งกันทานมั่งน้า