เปิดสูตร "ชาเย็น" 3 ยี่ห้อ พร้อมวิธีการชง..สูตรจัดเต็ม !!



ก่อนอื่นก็เตรียมชากันเลยครับ .. ชอบแบบไหน ยี่ห้อไหน ตามสะดวกครับ

เริ่มจากชาตรามือ(สีทอง) ขนาด 400 กรัม ถุงละ 85 บาท
โดยรวมแล้ว ชาตรามือจะค่อนข้างกลมกล่อม โดยเฉพาะถุงสีทองจะหอมกว่าถุงสีแดง และรสชาติจะนุ่มละมุนกว่า
มีรสเข้ม ฝาดนิดๆ 

ส่วนชาชักตราครบรส ขนาด 300 กรัม ราคา 125 บาท
จะมีสีเข้มกว่าเมื่อชงออกมาเป็นน้ำแล้ว หากชงในสูตรเดียวกัน เมื่อเทียบกับอีก 2 ยี่ห้อ จะได้รสชาติชาจัดๆ
เข้ม ฝาดชัดเจน แต่ก็หอม อร่อย ใช้ได้เลยครับ ถ้าใครชอบชารสจัด แนะนำตัวนี้

ชาระมิงค์ ขนาด 250 กรัม ราคา 60 บาท
สีชาก็จะออกส้มๆ เป็นปกติ หากชงเป็นชาเย็น จะรสชาติออกนมๆ นุ่ม และไม่เข้มนัก แทบไม่ได้รสฝาดของชาเลย หากเทียบกัน 3 ยี่ห้อ ตัวนี้รสชาจะอ่อนสุด เหมาะสำหรับคนชอบกินชาที่รสชาติไม่จัดนัก


หากเพื่อน ๆ รู้คุณสมบัติของแต่ละชนิดแล้ว ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอาเลยครับ
หรือจะเอามาผสมกันก็ไม่ผิด เหมือนการนำเมล็ดกาแฟแต่ละแบบมาผสมรวมกันนั่นแหละ...
อาจจะได้รสชาติที่แตกต่างไปอีก และยังมีอีกหลายๆ ยี่ห้อครับที่ผมเคยซื้อมาลองแล้วยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่



ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยครับว่า ลักษณะชาแต่ละชนิดเป็นเช่นไร มีสีที่แตกต่างกันอย่างไร
ส่วนที่มาที่ไป จะเป็นชาแดง ชาดำ ชาโน่นนี่นั่น อย่าไปสนใจเลยครับ .. เน้นที่รสชาติดีกว่า 
ถ้าจะให้อธิบายเดี๋ยวจะปวดหัวกันป่าวๆ ^___^



ส่วนอุปกรณ์ ก็แบบที่เห็นนี้แหละครับ .. ที่สำคัญควรจะมี "ถุงชงชา" 
หากใครไม่มี ห้ามใช้ "ถุงเท้า" เด็ดขาด !!!! 555 อนุญาตให้ใช้ผ้าขาวบางแทนได้ครับ

ส่วนแก้วที่ใช้ชง จะใช้เป็นถ้วยตวงใสก็จะดีมาก (ของผมแตกไปแล้ว) 
จะเป็นแก้วสแตนเลสแบบในรูปก็ได้ หรือจะใช้แก้วกาแฟก็ไม่ว่ากัน แต่ขอให้มีขนาดประมาณ 250-300 ml.

ส่วนกระป๋องใหญ่ๆ สำหรับชงชา ถ้าไม่มี อนุญาตให้ใช้หม้อ หรือภาชนะอื่นๆ ที่มันใหญ่พอแทนได้ครับ
(อะไรก็ใช้ได้หมดครับ.. ถ้าไม่มีก็ประยุกต์เอาได้เล้ยยย)



ขอบอกไว้ก่อนว่า .. อันนี้เราจะมีการตวงแบบมาตรฐานกันหน่อย
ห้ามเอาไปเปรียบเทียบกับรถเข็นข้างทางเด็ดขาด !!! 55 เดี๋ยวบางคนจะแย้งว่า ทีรถเข็นข้างทางยังไม่เห็นต้องตวงแบบนี้เลย .. แบบนั้นเค้าใช้ความชำนาญแล้ว ยกให้เค้าไป อิอิ

เรามาดูเครื่องมือตวงกันดีกว่าครับ
ปกติผมจะใช้ "แก้วชอต" หรือ "แก้วตวง" ซึ่งมีขนาด 1.5 ออนซ์ หรือเท่ากับ 45 มล.
ฉะนั้นคำว่า 1shot นั่นหมายถึง 1.5 ออนซ์นะครับ (ผมใช้แก้วกลาง)

ทำไมผมถึงกากบาทเจ้าแก้วชอตตัวแรก เนื่องจากว่า จากประสบการณ์ที่ผมทำเครื่องดื่มและสอนมาหลายปี
ผมพบความจริงตอนที่ตวงยาให้ลูกชาย (เกี่ยวไรกันเนี่ย) ... ว่าเจ้าแก้วแบบแรกมีปริมาตรที่ไม่มาตรฐาน
ซึ่งหากเราตวง 30 มล. ในแก้วสีแดง มันจะได้เท่ากับ 40-45 มล. ในแก้วสีดำ 

และผมก็พิสูจน์โดยการนำไปเทียบกับหลายๆ อุปกรณ์การตวงทั้งถ้วยตวง และจิกเกอร์(รูปขวามือ)
ผลปรากฎว่า ทุกอุปกรณ์เท่ากันหมด ยกเว้นเจ้าแก้วสีแดงที่ว่า .. ฉะนั้นตัดมันไป

ส่วนจิกเกอร์(jigger)ขนาดตามในภาพ ด้านใหญ่จะมีความจุ 1 ออนซ์ ด้านเล็ก 0.5 ออนซ์



ต่อไปมาเตรียมนมกันบ้าง

นมที่ใช้จะมีนมสดหรือนมจืด .. ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งพาสเจอร์ไรส์ ทั้ง UHT 
อาจจะมีความต่างกันที่รสชาติบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ค่อยซีเรียสนัก 
เนื่องจากไม่ได้ไปซื้อพาสเจอร์ไรส์ เลยขอยืม UHT ตราวัวแดงของเจ้าลูกชายมาใช้ก่อน หุหุ..

อีกหนึ่งชนิดที่ขาดไม่ได้คือ "นมข้นจืด" จะใช้ยี่ห้อไหนก็แล้วแต่ใครจะชอบ จะสะดวกซื้อ
วันนี้ขอใช้ตรา falcon เพราะว่าเค้ากำลังมีโปรโมชั่น 1 แถม 1 (แบบว่างก) 555+
อย่างที่เราทราบ ชาเย็นแบบไทยๆ เรา มันต้องมีความ "มัน" ถึงจะอร่อย ..ฉะนั้น นมข้นจืด ขาดไม่ได้

และสุดท้าย "นมข้นหวาน" .. หรือ "ครีมเทียมข้นหวาน" สุดแล้วแต่
ใช้สำหรับปรุงแต่งความหวาน ให้มันกลมกล่อม (ส่วนใครกลัวอ้วน..ก็อด)



ก่อนอื่น เตรียมผงชาก่อนเลยครับ .. 

ขอบอกเลยว่า สูตรนี้เป็นสูตรที่ชงกินเอง .. หรือหากชงขาย ก็ขายแบบคุณภาพ เหมือนกับที่ผมตั้งชื่อกระทู้ว่า
"สูตรจัดเต็ม" ฉะนั้น อัตราส่วนที่ใช้ จะใช้มากกว่าที่เค้าชงขายกันทั่วไปอย่างแน่นอน
ซึ่งรสชาติก็จะจัด และเข้มข้นกว่า 

ผมเคยใช้สูตรข้างถุงของชาตรามือ ปรากฎว่า "จืดสนิท" ไม่อร่อยเลย
หรือบางทีตามร้านกาแฟโบราณ ชาโบราณ ร้านรถเข็น เค้าจะใช้ชา 1 ส่วนแช่ไว้ทั้งวัน ตักน้ำร้อนเติมๆๆๆ เอา

*** สูตรก็คือ ใช้ผงชา 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน ****
หากอยากจะชงขายแล้วประหยัดต้นทุนอีกนิด อนุโลมให้ใช้น้ำได้ 4 ส่วน (ห้ามเกินนั้น .. ไม่งั้นชาจะไม่เข้มข้น")

วันนี้ ชา 1 ส่วนของผม จะเท่ากับ 1 แก้วสแตนเลสใบนี้ (ประมาณ 10 ออนซ์)
ชงได้ทั้งหมด 6 แก้ว (สำหรับแก้ว 16 ออนซ์เติมน้ำแข็งแล้ว)



เมื่อชาพร้อม ... ก็เตรียมน้ำร้อนให้พร้อมเลยครับ 

ชาแบบนี้ไม่จำเป็นต้องต้มนะครับ 
พร้อมแล้วก็เทชาลงไปในถุงโลด !!!!



อย่างที่บอก.. ชา 1 ส่วน น้ำ 3 ส่วน (ไม่เกิน 4 ส่วน)

เวลาเทน้ำร้อนลงไป ค่อยๆ เทให้ทั่วๆ ผงชาที่อยู่ในถุงครับ เพื่อให้น้ำและความร้อนกระจายทั่วถึง



เมื่อเทน้ำลงไปจนครบตามปริมาณ .. ก็ถึงขั้นตอนสำคัญอีกขั้นตอนนึงครับ
ที่จะทำให้ชานั้นมีรสชาติที่ดี และมีความหอม 
ขั้นตอนนี้จะทำให้กลิ่นชาหอมคละคลุ้งทั่วบ้านเลยล่ะครับ

คือ ให้เทน้ำชากลับไปกลับมาระหว่าง 2 กระป๋อง ประมาณ 3-4 รอบ (เท 1 ครั้งเท่ากับ 1 รอบ)

และมีเทคนิคอยู่นิดนึงครับ ยิ่งถ้าเราสามารถดึงกระป๋องให้สูงขึ้นมากเท่าไหร่ เพื่อให้น้ำชาได้สัมผัสอากาศมากๆ
(หลักการเดียวกับชาชัก) ก็จะทำให้กลิ่นและรสชาติดีขึ้นครับ

ปล. เวลาเท อย่าเทลงจุดเดียวนะครับ ให้วนๆๆ ทั่วๆ



ขั้นตอนอาจจะดูเยอะ .. แต่พอทำจริงๆ ง่ายนิดเดียวครับ
เพียงแต่ใส่ใจในรายละเอียด และเพิ่มเติมเทคนิคเข้าไปนิดหน่อย

อย่างเช่นขั้นตอนนี้ .. เมื่อเราเทกลับไปกลับมาเสร็จเรียบร้อย ก็แช่ชาทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีครับ
เพื่อให้รสชาติของชากระจายออกมา เข้มและฝาดได้ที่ 

เมื่อครบ 5 นาที ให้เอาถุงชาออก .. และนำกากชาทิ้งได้เลย อย่าเสียดาย 
แต่ถ้าเสียดาย เติมน้ำเข้าไปได้อีก 3 ส่วนเท่าเดิม เก็บหางชาส่วนที่ 2 ไว้ทำชาดำเย็น หรือชามะนาวได้ครับ

หมายเหตุ.. อย่าแช่นานเกินไปนะครับ ชาจะเริ่มฝาดจนเฝื่อน



เอาล่ะครับ ... เตรียมปากกาไว้จดสูตรได้เลย 


ผมใช้นมข้น 4 ช้อนชา นะครับ (ไม่ต้องใช้ช้อนชาแบบตวงนะครับ..ช้อนกาแฟเรานั่นแหละ)
ถ้าใครไม่ชอบหวานมาก ลดนมข้นลงมาเหลือสัก 3 ช้อนชาได้ ..

ตรงนี้เค้าเรียกว่า "รสมือ" แล้วล่ะครับ เพราะมันสามารถบวก ลบ ได้นิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ
สังเกตปริมาณการตักในรูปนะครับ จะเกินนิดๆ ... ตักใส่แก้วได้เลย

เวลาผมสอน ...จะมีหลายคนเกร็งๆ ว่า 4 ช้อนนี่ต้องปาด ต้องพอดีๆ ขอบอกว่าไม่ขนาดนั้น
มือหนัก มือเบา ตามสะดวกเลยครับ



นมข้น 4 ช้อนชาเมื่อสักครู่ หากจะเอาให้เป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน
จะได้ปริมาณอยู่ที่ 1 ออนซ์ (30 ml.) พอดิบพอดี .. แต่เมื่อสักครู่ผมตักเกินไปหน่อย ก็จะประมาณออนซ์กว่าๆ



จากนั้น ก็เติมความหวานด้วยน้ำตาลทราย 2 ช้อนชา(ช้อนกาแฟ) ..ตักธรรมดาๆ ไม่ต้องพูนมากนะครับ

เหตุที่ต้องใช้ความหวานจากน้ำตาลทรายควบคู่ไปด้วย เนื่องจาก ความหวานของนมข้นเป็นความหวานแบบนุ่มๆ เลี่ยนๆ
เราต้องเติมความ "หวานแหลม" ของเจ้าน้ำตาลทรายควบคู่กันไป เป็นการตัดรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้นครับ


**จะสังเกตได้ว่า ถ้าเราไปซื้อร้านทั่วๆ ไปเค้าจะใช้น้ำตาลทรายเยอะมาก ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ
แล้วใช้นมข้นหวานน้อยหน่อย เพื่อเป็นการลดต้นทุน***



เรียบร้อยแล้ว นำชาที่ยังอุ่นๆ ร้อนๆ เทลงไปได้เลย ใช้ปริมาณคือ 2 ชอตหรือ 3 ออนซ์ (90 ml.) เท่านั้น
เพราะชาที่เราทำไว้ค่อนข้างเข้มข้น



จากนั้นก็ คนๆๆๆๆๆๆๆๆ แรงๆ เร็วๆ ให้เข้ากัน
ขั้นตอนนี้ก็สำคัญครับ ตรงที่ต้องคนแรงๆ เร็วๆ นี่แหละ นอกจากจะทำให้น้ำตาลละลายง่าย
แล้วยังทำให้รสชาติดีขึ้นด้วยครับ

สังเกตแม่ค้าเวลาคนสิครับ ..มันส์มือเชียวแหละ



เมื่อทุกอย่างละลาย เข้ากันเรียบร้อยแล้ว
ให้เติมนมสด 1 ชอต (1.5 ออนซ์หรือ 45 ml.)

***หากใครต้องการความมันที่มากขึ้น ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
แล้วให้ใช้นมข้นจืดแทน***



ส่วนผสมสุดท้ายแล้วครับ เติมนมข้นจืดลงไปอีก 1 ชอต 

**สรุปจาก คห.ก่อนหน้านี้ ถ้าใครชอบความหวานมันเป็นพิเศษ ก็ให้ใช้นมข้นจืด 2 ชอต**



เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี ... เตรียมน้ำแข็งรอได้เลยครับ

เมื่อเราผสมทุกสิ่งทุกอย่างครบเรียบร้อย ปริมาณของน้ำทั้งหมดจะเท่ากับ 8 Oz.



สีของชาที่ได้จะเป็นเช่นฉะนี้ .. ผมใช้ชาตรามือนะครับ



ว่ากันด้วยเรื่องของน้ำแข็งสักนิด

เรื่องน้ำแข็งนี่แล้วแต่คนชอบจริงๆ ครับ บางคนชอบน้ำแข็งใหญ่ น้ำแข็งหลอดเล็ก น้ำแข็งป่น น้ำแข็งบด
ส่วนผมปกติชอบใช้น้ำแข็งจากตู้เย็นเลยครับ น้ำแข็งทำเองสะอาดดี และก้อนใหญ่
จะทำให้เครื่องดื่มเย็นพอดีๆ และดูดได้น้ำเยอะๆ 

แต่บางคนก็บอกว่า เวลากินชาเย็นต้องใช้น้ำแข็งเล็กๆ ดูดไปด้วย เคี้ยวน้ำแข็งไปด้วย อร่อยดี ^_^

----

ซึ่งแก้วที่ผมใช้นี่คือ ขนาด 16 ออนซ์ ใส่พร้อมน้ำแข็งก้อนใหญ่ (cube ice) จะเต็มแก้วพอดี

แต่ถ้าใช้น้ำแข็งหลอดเล็ก หรือน้ำแข็งโม่ น้ำแข็งบด อัดเต็มๆ แก้ว สามารถใส่ในแก้ว 22 ออนซ์ได้ครับ
ราดนมโรยหน้าไปอีกนิดตามสูตร

ว่าแล้วก็เทใส่แก้วได้เล้ยยยยยยยย



สรุปสูตรนะครับ

-ชาผง 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน เทกลับไปกลับมา 3-4 รอบ และแช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
-นมข้นหวาน 4 ช้อนชา (หากไม่หวานมากใช้ 3 ช้อนชา)
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา (หากไม่หวานมากใช้ 1 ช้อนชา)
-นมสด 1 ชอต (หากไม่ชอบมันมาก ให้ใช้นมสด 2 ชอต)
-นมข้นจืด 1 ชอต (หากชอบมันมาก ให้ใช้นมข้นจืด 2 ชอต)

สามารถเพิ่ม/ลด ส่วนผสมความหวาน ความมัน ได้ตามความชอบเลยครับ

หากใช้ปริมาณชาตามที่ผมชงในครั้งนี้ .. จะชงได้ทั้งหมดประมาณ 6 แก้ว
สามารถผสมนม เก็บไว้ได้เลย แช่ตู้เย็นไว้ได้ประมาณ 3-4 วันครับ

หรือถ้าไม่ชงเก็บไว้ ก็ลดปริมาณน้ำชาลงตามส่วนได้เลยครับ 

------------------

ใครลองชง ลองชิมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ก็มาบอกบ้างนะครับ ถูกใจไม่ถูกใจอย่างไร
หรือใครสงสัยตรงไหนเพิ่มเติม ก็หลังไมค์มาพูดคุย มาถามได้ครับ ยินดีแบ่งปัน ^_____^

ขอให้อร่อยกับ "ชาเย็น" นะคร้าบบบบบ Cheers !!!!!



แหล่งที่มา http://topicstock.pantip.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น